Part 1 : ความรู้เรื่องเลนส์โพรเกรสซีฟ
เขียนโดยสมบูรณ์ นำทิพย์จันทาเจริญ ( โบบิ ) ผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์โพรเกรสซีฟระดับโลก
Rodenstock Impression FreeSign ColorMatic 1.67
เลนส์โพรเกรสซีฟไฮเอนด์จากเยอรมัน
ราคาขายปลีกคู่ละ
140,000 บาท
เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงทั่วไป ราคาขายปลีกคู่ละ
40,000 บาท
ถ้าเชื่อ ก็ทำได้ทุกสิ่ง
|
สารบัญ หน้าที่
บทที่ 1 ค่าพารามิเตอร์มาตรฐานของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป 5
บทที่ 2 Inset ของเลนส์โพรเกรสซีฟ มีผลต่อพื้นที่โซนกลาง และโซนใกล้อย่างไร 7
บทที่ 3 ผลกระทบของ SPH. / CYL. / Addition บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป 12
บทที่ 4 เปรียบเทียบผลกระทบของ SPH. / CYL. / Addition และ Face Form Angle 26
ระหว่างเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า
กับ เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology Progressive Back Surface
บทที่ 5 เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology 37
เหนือกว่าเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า อย่างไร
บทที่ 6 เลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ Individual Free Form Technology 42
เหนือกว่าเลนส์โพรเกรสซีฟ Free Fom ราคาแพงทั่วไป อย่างไร
บทที่ 7 การวัดค่าพารามิเตอร์ CVD / PTA / FFA ของกรอบแว่น 46
อย่างถูกต้อง รวดเร็ว แบบมืออาชีพ
เพื่อประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ Individual Free Form Technology
และ เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
Rodenstock
Progressiv Life XS 1.6 MR-8 ABBE 41 Super HMC เนื้อเหนียวความคมชัดสูง
สำหรับกรอบเจาะขนาดสูงกรอบตั้งแต่ 20 มิลลิเมตรขึ้นไป ที่ Fitting
Height 14 mm ราคาขายปลีกคู่ละ 15,000 บาท
บทนำ
นับตั้งแต่ Owen Aves ได้คิดค้นเลนส์โพรเกรสซีฟคู่แรกในปี ค.ศ. 1907 เลนส์โพรเกรสซีฟ ได้รับการพัฒนาให้ปรับตัวได้ง่าย ใส่สบายและ ช่วยให้ Presbyopes มองเห็นชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติ ใกล้เคียงกับการมองเห็นเมื่อครั้งยังหนุ่มสาวมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี Individual Free Form Technology ที่ให้อิสระในการเลือกกรอบแว่น อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
การตรวจวัดสายตา ประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ ให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ต้องอาศัยทั้งความรู้ ความชำนาญ เครื่องมือตรวจวัดที่ทันสมัย และการเลือกใช้เลนส์โพรเกรสซีฟแต่ละโครงสร้าง ให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน ตามค่าสายตา บุคลิก ขนาดกรอบแว่น พฤติกรรม อุปนิสัย อาชีพ งานอดิเรก และ งบประมาณ
ร้านแว่นที่สามารถตอบสนองความต้องการของ Presbyopes ด้วยเลนส์โพรเกรสซีฟคุณภาพสูง ที่ใช้งานได้ดีที่สุด รู้สึกสบายที่สุด ดูดีที่สุด ย่อมสร้างความพึงพอใจอย่างสูงสุดแก่ลูกค้าแต่ละราย แล้วแนะนำญาติสนิท มิตรสหาย และ ผู้ใกล้ชิด ให้ใช้เลนส์โพรเกรสซีฟคุณภาพสูง เพื่อชีวิตที่ดีกว่า จนกลายเป็นโพรเกรสซีฟทวีคูณ ปีละมากกว่า 1,000 คู่ จากร้านแว่นเพียงร้านเดียว
หนังสือเล่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการอบรมหลักสูตรต่อเนื่อง โพรเกรสซีฟทวีคูณเข้มข้น PRP ของ หสน.นำศิลปไทย มีทั้งหมด 4 คอร์ส สำหรับร้านแว่นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพในการขายเลนส์โพรเกรสซีฟให้ได้มากกว่าปีละ 1,000 คู่
การอบรมมีเนื้อหาครอบคลุมความรู้เรื่องเลนส์โพรเกรสซีฟทั่วไป , จุดเด่น จุดด้อย ข้อจำกัด ของเลนส์โพรเกรสซีฟแต่ละรุ่น ที่มีจำหน่าย หรือ พบเห็นได้บ่อยในประเทศไทย , การตรวจวัดสายตา ประกอบ การป้องกัน และแก้ไขปัญหา เลนส์โพรเกรสซีฟ , การตลาด การนำเสนอ และ การปิดการขายเลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ หลายคู่กับลูกค้าแต่ละราย แบบมืออาชีพ
ผู้เขียนเชื่อว่า หลักสูตรโพรเกรสซีฟทวีคูณเข้มข้น PRP จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพ ในการตรวจวัดสายตา ประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ ให้กับร้านแว่นทั่วประเทศ แล้ววันหนึ่ง เมืองไทยของเรา จะเป็นศูนย์กลางการตรวจวัดสายตา ประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ ที่ดีที่สุดในโลก
ถ้าเชื่อ ก็ทำได้ทุกสิ่ง
14 ตุลาคม 2006
สมบูรณ์ นำทิพย์จันทาเจริญ ( โบบิ )
บริษัท แอดวานซ์ โพรเกรสซีฟ แอดดิชั่นเลนส์ จำกัด
594/178 ถ.อโศก-ดินแดง เขตดินแดง กทม. 10400
· โทร./SMS : 081-538-4200 , 02-641-6979
· แฟ๊กซ์ 02-641-7915
· e-mail : apcoptik@yahoo.com
www.apcthai.com
บทที่ 1
ค่าพารามิเตอร์มาตรฐานของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป ถูกออกแบบมาให้รองรับค่าพารามิเตอร์ 4 ค่า ดังต่อไปนี้
หากค่าพารามิเตอร์ไม่ตรงตามที่เลนส์ถูกออกแบบมา จะทำให้พื้นที่การใช้งานแคบลง การบิดเบือนด้านข้างเพิ่มขึ้น ปรับตัวยาก ใส่ไม่สบาย และในหลายกรณี อาจส่งผลร้ายแรงถึงขนาดไม่สามารถใช้งานได้เลย
ความคลาดเคลื่อนของค่าพารามิเตอร์ ในการประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ ให้พิจารณาตามความยาวคอริดอร์
· FFA ค่ามาตรฐาน 5 องศา คลาดเคลื่อนได้ ไม่เกิน + / - 2 องศา
· CVD ค่ามาตรฐาน 13 mm เกณฑ์พิจารณาขึ้นอยู่กับความยาวคอริดอร์ของเลนส์โพรเกรสซีฟแต่ละรุ่น
o Short Corridor ค่า CVD 10 mm 13 mm หากค่า CVD เกิน 13 mm ระยะกลางจะใช้ไม่ได้เลย
o Semi-Short Corridor ค่า CVD 13 mm 14 mm เช่น Discovery Xtra , Freedom 13
o Medium Corridor ค่า CVD 13 15 mm เช่น Discovery , Freedom 15 , Progressiv AT
o Standard Corridor ค่า CVD 13 16 mm เช่น Supra Pro , Hoyalux GP
· PTA ค่ามาตรฐาน 7 องศา คลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน + / - 4 องศา
· P.D. ค่ามาตรฐาน 64 mm
o P.D. น้อยกว่า 64 mm ประกอบคลาดเคลื่อนไปทางกว้าง เป็นผลดีกว่าคลาดเคลื่อนไปทางแคบ
o P.D. มากกว่า 64 mm ประกอบคลาดเคลื่อนไปทางแคบ เป็นผลดีกว่าคลาดเคลื่อนไปทางกว้าง
ภาพแสดง Pantoscopic Tilt Angle ( PTA ) , Cornea Vertex Distance ( CVD ) , Face Form Angle ( FFA ) และ PD มาตรฐานของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า
ดังนั้น ในการประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า จึงต้องปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ของกรอบแว่นให้ได้มาตรฐาน ปัญหาคือผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังขาดความชำนาญในการวัดค่าพารามิเตอร์ และ การปรับแต่งกรอบแว่นให้ได้ค่าพารามิเตอร์ตามที่เลนส์ถูกออกแบบมา
วิธีการวัดค่าพารามิเตอร์ มี 4 วิธี
1. กะโดยประมาณด้วยสายตา : วิธีนี้อาศัยความชำนาญ และความสามารถเฉพาะบุคคล มีข้อดีคือสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องมือ แต่มีข้อเสีย คือ ผิดพลาดได้ง่าย ถ่ายทอดฝึกสอนคนอื่นได้ยาก
2. วัดด้วยไม้พีดี คู่กับแผ่นวัด FFA : วิธีนี้ ต้องใช้ไม้พีดีที่มีเส้นวัดองศา PTA มีข้อดีคือ สะดวก รวดเร็ว ลงทุนน้อย ให้ความแม่นยำพอสมควร ถ่ายทอดและฝึกสอนคนอื่นได้ง่าย
3. วัดด้วยเครื่องมือพิเศษ Rodenstock Parameter Ruler : วิธีนี้ สะดวก รวดเร็ว แม่นยำ ดูน่าประทับใจ ถ่ายทอดและฝึกสอนคนอื่นได้ง่าย แต่มีข้อเสียคือต้องลงทุนซื้อเครื่องมือหลายพันบาท
4. วัดด้วยเครื่องมือพิเศษ Rodenstock ImpressionIST : วิธีนี้ สะดวก รวดเร็ว แม่นยำ สร้างความประทับใจได้อย่างสูงสุด และสามารถบันทึกข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์สมบูรณ์แบบ แต่มีข้อเสียคือต้องลงทุนสูงถึง หนึ่งล้านสองแสนบาท จึงเหมาะสำหรับร้านแว่นที่ต้องการขายเลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ให้กับลูกค้ารายเดียว คราวละหลายคู่
สำหรับเทคนิคการวัดค่าพารามิเตอร์ของกรอบแว่น วิธีที่ 2 และ วิธีที่ 3 จะอธิบายโดยละเอียดภายในเล่มนี้ ส่วนวิธีที่ 4 จะจัดอบรมพิเศษให้กับร้านแว่นที่สนใจซื้อเครื่อง Rodenstock ImpressionIST เท่านั้น
บทที่ 2
Inset ของเลนส์โพรเกรสซีฟ
มีผลต่อพื้นที่โซนกลาง และ โซนใกล้ อย่างไร
Inset ของเลนส์โพรเกรสซีฟ คือ ระยะห่าง ระหว่างจุดศูนย์กลางมองไกล ถึง จุดศูนย์กลางมองใกล้ ซึ่งเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า ส่วนใหญ่ ที่เบอร์สายตา Plano ADD 2.00D จะมี Inset 2.5 mm เสมอ โดยออกแบบตามการเหลือบตาเข้ามาอ่านหนังสือของคนส่วนใหญ่ ที่มีค่า P.D. มองไกล 64 mm
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า ที่ออกแบบและผลิต ตั้งแต่ปี 2000 ส่วนใหญ่ ออกแบบให้ค่า Inset แปรผันตามค่าสายตาดูไกล และค่าสายตาดูใกล้ โดยมีตั้งแต่ 45 120 Inset แตกต่างกัน หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า 45 120 โครงสร้าง โดยยังคงออกแบบตามการเหลือบตาเข้ามาอ่านหนังสือของคนส่วนใหญ่ ที่มีค่า P.D. มองไกล 64 mm ( สำหรับคำอธิบายว่าทำไมต้องออกแบบให้ค่า Inset แปรผันตามค่าสายตาดูไกล และ ค่าสายตาดูใกล้ ผมจะเขียนอย่างละเอียดในหนังสือ โพรเกรสซีฟทวีคูณขั้นพื้นฐาน ต่อไป )
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า Semi Finished Progressive Front Surface ที่ออกแบบให้ค่า Inset แปรผันตามค่าสายตาดูไกล และ ค่าสายตาดูใกล้ 45 120 โครงสร้าง เท่าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน มี Discovery , Discovery Xtra , Hoyalux Summit Pro , Summit CD , Sola Percepta , SolaMax , Rodenstock Progressiv AT , Rodenstock Progressiv Life 2 , Rodenstock Progressiv Life XS , Nikon Presio 16 , Nikon Presio 14 , Nikon Presio i 15 , Nikon Presio i 13 และเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่ารุ่นหนึ่ง ที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อในที่นี้ได้
ผู้ตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟระดับมืออาชีพ จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง Inset เป็นอย่างดี พึงระลึกไว้เสมอว่า เลนส์โพรเกรสซีฟที่ได้รับการตรวจวัด / ประกอบ อย่างถูกต้อง เที่ยงตรงจากผู้เชี่ยวชาญ จะมีผลให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุดจาก Performance ทั้งหมดของเลนส์โพรเกรสซีฟแต่ละรุ่นอย่างคุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผมได้รับรู้ปัญหาจากร้านแว่นที่ตรวจวัด / ประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟระดับพรีเมี่ยมเทคโนโลยีเก่า Semi-Finished Progressive Front Surface อย่างขาดความเข้าใจ เป็นผลให้ผู้บริโภคสูญเงินเปล่าคนละเป็นหมื่นบาท กับแว่นโพรเกรสซีฟ ที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง
เพื่อทำความเข้าใจเรื่อง Inset ของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า Semi Finished Progressive Front Surface จึงขออธิบาย ปัจจัยที่มีผลต่อ Inset ในกรณีที่ Near Point Convergence ปกติ และ ค่าสายตา R / L Plano ADD 2.00D ดังต่อไปนี้
1. บนแว่นโพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า กรณีที่ P.D. มองไกล 64 / P.D. ในการประกอบ 64 mm = ไม่มีผลกระทบใดๆต่อการใช้งานระยะไกล ระยะกลาง และ ระยะใกล้
2. คนที่ P.D. มองไกลกว้างกว่า 64 mm จะสามารถเหลือบตาเข้ามาเพื่ออ่านหนังสือได้มากกว่าคนที่ P.D. 64 mm เมื่อใช้ P.D. มองไกลในการประกอบ จะมีผลทำให้เหลือบตาเข้ามาได้มากเกินไป จนเลยจุดศูนย์กลางของพื้นที่มองใกล้ ทำให้พื้นที่อ่านหนังสือแคบลง และรู้สึกไม่สบายตา
3. คนที่ P.D. มองไกลแคบกว่า 64 mm จะสามารถเหลือบตาเข้ามาเพื่ออ่านหนังสือได้น้อยกว่าคนที่ P.D. 64 mm เมื่อใช้ P.D. มองไกลในการประกอบ ตาจะเหลือบเข้ามาได้น้อยกว่าปกติ ทำให้ไม่สามารถเหลือบตาถึงจุดศูนย์กลางของพื้นที่มองใกล้ ทำให้เหลือบตาอ่านหนังสือได้ลำบาก พื้นที่อ่านหนังสือแคบลง และรู้สึกไม่สบายตา
4.
กรณีที่ค่า
Cornea
Vertex Distance ( CVD ) = 13 mm ตามมาตรฐาน จะไม่มีผลกระทบต่อการมองใกล้
5. กรณีที่ค่า CVD น้อยกว่า 13 mm จะมีผลทำให้เหลือบตาเข้ามาได้ไม่ถึงจุดศูนย์กลางของพื้นที่มองใกล้ ทำให้เหลือบตาอ่านหนังสือได้ลำบาก พื้นที่อ่านหนังสือแคบลง และรู้สึกไม่สบายตา
6. กรณีที่ค่า CVD มากกว่า 13 mm จะมีผลทำให้เหลือบตาเข้ามาได้มากเกินไป จนเลยจุดศูนย์กลางของพื้นที่มองใกล้ ทำให้เหลือบตาอ่านหนังสือได้ลำบาก พื้นที่อ่านหนังสือแคบลง และรู้สึกไม่สบายตา
7. ผลกระทบของ Pantoscopic Tilt Angle ( PTA ) ต่อ Inset ของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า
ค่ามาตรฐานของ Pantoscopic Tilt Angle คือ 7 องศา
· หาก PTA มากกว่า 7 องศา จะมีผลทำให้เหลือบตาเข้ามาได้ไม่ถึงจุดศูนย์กลางของพื้นที่มองใกล้ ทำให้เหลือบตาอ่านหนังสือได้ลำบาก พื้นที่อ่านหนังสือแคบลง และรู้สึกไม่สบายตา
· หาก PTA น้อยกว่า 7 องศา จะมีผลทำให้เหลือบตาเข้ามาได้มากเกินไป จนเลยจุดศูนย์กลางของพื้นที่มองใกล้ ทำให้เหลือบตาอ่านหนังสือได้ลำบาก พื้นที่อ่านหนังสือแคบลง และรู้สึกไม่สบายตา
จะเห็นได้ว่า ค่าพารามิเตอร์ในการประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ ที่มีผลกระทบต่อ Inset ของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า มีหลายค่า และ การประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า Semi-Finished Progressive Front Surface ทุกคู่ ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพตามที่เลนส์ถูกออกแบบมานั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จึงพบได้บ่อยๆ ที่ผู้ใช้ ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าได้ และ มีผู้ใช้จำนวนมากที่ปรับตัวได้แต่รู้สึกไม่สบายตา เมื่ออ่านหนังสือ
ผลกระทบของ SPH. / CYL. / Addition บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนยีเก่าทั่วไป
ในปัจจุบัน ยังคงมีร้านจำนวนมาก ไม่เข้าใจว่าเลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ เทคโนโลยีล่าสุด แตกต่างจากเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าอย่างไร ส่วนใหญ่ ยังคงมีความเข้าใจว่า ถ้าลูกค้าเปลี่ยนเลนส์โพรเกรสซีฟรุ่นเดียวกัน จากแว่นเดิม Plano ADD 2.00D เป็น Plano ADD 2.50D ลูกค้าจะรู้สึกสบายเหมือนเดิม และไม่ต้องปรับตัว
ในบทนี้ จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า มีมุมมองแคบลง และการบิดเบือนด้านข้างเพิ่มขึ้น ตามค่าสายตาที่เพิ่มขึ้นเสมอ และในหลายกรณี ผู้ใช้ไม่สามารถปรับตัวได้เลย แม้จะเปลี่ยนเป็นเลนส์โพรเกรสซีฟรุ่นเดียวกัน ก็ตาม ( เลนส์โพรเกรสซีฟที่ดีที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ที่มีราคาขายปลีกคู่ละ 60,000 บาท ยังคงไม่สามารถออกแบบ / ผลิต เลนส์โพรเกรสซีฟ Plano ADD 1.25D ให้มีมุมมองกว้าง และมีการบิดเบือนด้านข้างน้อย ได้เหมือนกับ Plano ADD 1.00D บนเลนส์รุ่นเดียวกัน )
ภาพต่อไปนี้ แสดงให้เห็นพื้นที่การมองเห็นที่ลดลงของตาทั้งสองข้าง ตามค่าสายตาที่เพิ่มขึ้น ของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่ารุ่นเดียวกัน ในค่าสายตาต่างๆ โดยประกอบให้ได้ค่าพารามิเตอร์มาตรฐานตามที่เลนส์ถูกออกแบบมา คือ Panto Scopic Tilt Angle ( PTA ) = 7 องศา , Cornea Vertex Distance ( CVD ) = 13 mm , Face Form Angle ( FFA ) = 5 องศา , P.D. 64
1. ผลกระทบของค่า ADD ที่เพิ่มขึ้น บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
1.1 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
Plano ADD 1.00D
ระยะกลาง ระยะไกล และ ระยะใกล้ กว้าง
ปรับตัวง่าย
1.2 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป Plano ADD 1.25D
ระยะกลางเริ่มแคบลง
1.3 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
Plano ADD 2.00D
ระยะกลาง ระยะไกล และ ระยะใกล้ แคบลง
Plano
ADD 2.00D
1.4 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีทั่วไป
Plano ADD 2.50D
ระยะกลาง ระยะไกล และ ระยะใกล้ ยิ่งแคบลง
Plano
ADD 2.50D
1.5 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
Plano ADD 3.00D
ระยะกลาง ระยะไกล และ ระยะใกล้ แคบลงมาก
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป พื้นที่การมองในระยะกลาง ระยะไกล และ ระยะใกล้ จะยิ่งแคบลงตามค่า Addition ที่เพิ่มขึ้น
Plano
ADD 3.00D
การเลือกใช้เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า ในการประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟให้กับผู้ใช้ที่ค่า ADD เพิ่มขึ้น โดยไม่อธิบายให้ผู้ใช้เข้าใจก่อนว่า มุมมองในทุกระยะจะแคบลง การบิดเบือนด้านข้างจะเพิ่มขึ้น ความสบายในการใส่จะลดลง จึงไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค และ เสี่ยงต่อความไม่พึงพอใจของลูกค้าที่ซื้อเลนส์โพรเกรสซีฟคู่ใหม่ จ่ายเงินเท่าคู่เก่า แต่ใส่ไม่สบายเหมือนคู่เก่า
คำถามมีอยู่ว่า เป็นธรรมแล้วหรือ ที่จะโทษว่าเป็นความผิดของผู้บริโภคที่จ่ายเงินเท่าเดิม แต่ไม่ยอมปรับตัวให้เข้ากับมุมมองที่แคบลง การบิดเบือนด้านข้างที่เพิ่มขึ้น และ ความสบายที่ลดลง ?
2. ผลกระทบของค่า SPH. + บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. + 1.00D ADD 2.00D
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป พื้นที่การมองในระยะกลาง ระยะไกล
และ ระยะใกล้ จะยิ่งแคบลงตามค่า สายตามองไกล ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปรับตัวยาก
ดังแสดงให้เห็นในสามภาพข้างล่างนี้
2.1 SPH. + 1.00D ADD 2.00D
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
ระยะกลาง ระยะไกล และ ระยะใกล้ เริ่มแคบลง
แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังคงสามารถปรับตัวได้
|
2.2 SPH. + 2.00D ADD 2.00D
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
ระยะกลาง ระยะไกล และ ระยะใกล้ เริ่มแคบลงมาก ทำให้ปรับตัวยาก และใส่ไม่สบาย
ทำให้ผู้ใช้ส่วนหนึ่งไม่สามารถปรับตัวได้
|
2.3 SPH. + 3.00D ADD 2.00D
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
ระยะกลาง ระยะไกล และ ระยะใกล้ แคบมาก
ทำให้ปรับตัวยาก และใส่ไม่สบาย
ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่สามารถปรับตัวได้
๑. SPH. + 4.00D ADD 2.00D
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
ระยะกลาง ระยะไกล และ ระยะใกล้ ยิ่ง แคบมาก ทำให้ปรับตัวยาก และใส่ไม่สบาย
ผู้ใช้เกือบทุกรายไม่สามารถปรับตัวได้
SPH. + 4.00D ADD 2.00D
2.5 SPH. + 5.00D ADD 2.00D
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
ระยะกลาง ระยะไกล และ ระยะใกล้
ยิ่งแคบมากจนใช้งานแทบไม่ได้เลย
ทำให้ปรับตัวยาก และใส่ไม่สบาย
ผู้ใช้จำนวนน้อยมากที่สามารถปรับตัวได้
SPH. + 5.00D ADD 2.00D
2.6 SPH. + 6.00D ADD 2.00D
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
ระยะกลาง และ ระยะใกล้ ยิ่งแคบลงไปอีก
ทำให้การปรับตัวแทบเป็นไปไม่ได้เลย
SPH. + 6.00D ADD 2.00D
ภาพทั้งหมดในบทนี้ เป็นภาพของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป แบบคอริดอร์มาตรฐาน ซึ่งหากเป็นเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าแบบชอร์ทคอริดอร์ มุมมองจะยิ่งแคบลง การบิดเบือนด้านข้างจะยิ่งสูงขึ้น ในทุกค่าสายตา และเป็นคำอธิบายว่าทำไมผู้ใช้เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไปจำนวนมากในประเทศไทย ประสบความล้มเหลวในการปรับตัว ในเบอร์สายตาเกิน SPH. + 2.00D ADD 2.00D เป็นที่น่าเศร้าว่า บริษัทขายส่งเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าส่วนใหญ่ ปฏิเสธความรับผิดชอบ แล้วโยนความผิดให้ผู้บริโภคว่า ไม่ยอมปรับตัว หรือ โยนความผิดให้ร้านแว่นว่าตรวจวัดสายตาไม่เป็น ประกอบไม่เป็น แล้วผลักภาระไปให้ร้านแว่นและผู้บริโภค รับผิดชอบความเสียหายกันเอง ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทขายส่งบางรายเพียงเพราะต้องการปกป้องยอดขายเลนส์โพรเกรสซีฟของบริษัทตน จนถึงกับให้ร้ายป้ายสีร้านแว่นดังกล่าว ให้ร้านแว่นอื่นๆฟังพร้อมระบุชื่อร้านแว่นพร้อมชื่อเจ้าของร้านอย่างชัดเจนว่า ตรวจวัดสายตาไม่เป็น ประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟของบริษัทเขา แล้วลูกค้าใส่ไม่ได้ ทำให้ร้านแว่นดังกล่าวได้รับความเสื่อมเสีย
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป ยี่ห้อดัง ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับค่าสายตาเกินกว่า SPH. + 2.00D ADD 2.00D แต่บริษัทขายส่งฯเลนส์ดังกล่าว กลับแจ้งร้านแว่นอย่างเป็นทางการว่า เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าของตน สามารถขัดได้ถึง SPH. + 6.00D ADD 3.00D โดยไม่มีการเตือนร้านแว่นว่าไม่ควรใช้กับค่าสายตาเกินกว่า SPH. + 2.00D ADD 2.00D สรุปง่ายๆคือ ขัดเบอร์สายตา SPH. + 6.00D ADD 3.00D ได้ แต่ใส่ได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง รับประกันหรือไม่ ก็ยิ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเป็นร้านแว่นเชนสโตร์ขนาดใหญ่ ซื้อเกินเดือนละสิบคู่ อาจรับประกันให้หนึ่งคู่ ถ้าซื้อน้อยกว่านั้น ร้านแว่นรายย่อย ก็ต้องรับกรรมไปตามระเบียบ
การตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจเรื่องความจำกัดของโครงสร้างเลนส์โพรเกรสซีฟแต่ละรุ่น ในแต่ละค่าสายตา และเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละค่าสายตา พึงระลึกไว้เสมอว่า เลนส์โพรเกรสซีฟทุกรุ่น ไม่ว่าราคาแพงเท่าไหร่ก็ตาม ล้วนมีจุดดี จุดด้อย แตกต่างกันไป
ภาพเปรียบเทียบพื้นที่การมอง ที่แคบลงตามค่า SPH. + และค่า ADD ที่เพิ่มขึ้น ของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า ที่ค่าพารามิเตอร์มาตรฐานตามที่เลนส์ถูกออกแบบมา
SPH.+ 0.50D
ADD
2.00D
SPH.+
1.50D ADD 2.00D
SPH.+ 2.00D
ADD
2.00D
SPH.+
3.00D ADD 2.00D
SPH.+ 2.00D
ADD
2.75D
SPH.+
3.00D ADD 2.75D
ภาพเปรียบเทียบโครงสร้างเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป กรณีค่า
SPH. + รวมกับ ADD เท่ากัน
ที่ค่าพารามิเตอร์มาตรฐาน
บนเลนส์โพรเกรสซีฟทุกชนิด ค่า ADD
ที่เพิ่มขึ้น จะมีผลเป็นสองเท่าของค่า SPH. + และมีหลายกรณีที่ร้านแว่นตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า
ให้กับลูกค้าที่มีอาการสายตายาวซ่อนเร้น แล้วได้ค่า ADD ที่ผิดปกติ
เช่น ตรวจวัดสายตาลูกค้าอายุ 42 ปี
ด้วยเลนส์เสียบ โดยไม่ได้ FOG ได้ค่าสายตา R /
L Plano ADD 2.00D แล้วประกอบแว่นโพรเกรสซีฟเบอร์สายตา R/L
Plano ADD 2.00 ปรากฏว่า ลูกค้าไม่สามารถปรับตัวได้ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว กรณีนี้
ค่าสายตาที่แท้จริง น่าจะเป็น R/L SPH. + 0.75D ADD 1.25D ปัญหาอีกส่วนหนึ่ง
เกิดจาก ร้านแว่นในต่างจังหวัด หลายร้าน ใช้วิธีทดค่า SPH. + เป็นค่า
ADD เนื่องจากเลนส์ในสต๊อกที่ตรงกับเบอร์สายตาที่วัดได้ ไม่มี เช่น
ลูกค้าอายุ 50 ปี วัดสายตาได้ R/L SPH. + 2.00 ADD 2.00D แต่ใช้เบอร์สายตา
R/L SPH. + 1.00 ADD 3.00D แทน
ซึ่งส่งผลทำให้ลูกค้าปรับตัวได้ลำบาก และ เป็นผลเสียต่อสุขภาพสายตาในระยะยาว
3. ผลกระทบของค่า SPH. - บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทขายส่งเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าบางท่าน สอนร้านแว่นว่า เบอร์สายตาลบ ใส่เลนส์โพรเกรสซีฟรุ่นไหนก็ได้ ปรับตัวได้ง่ายเหมือนกัน ใช้งานได้ไม่ต่างกัน คำสอนนี้ ใช้ได้ในกรณีของ SPH. ไม่เกิน -2.00D เท่านั้น และจะต้องไม่มีสายตาเอียงร่วมด้วยเลย คำถามที่รบกวนจิตใจของร้านแว่นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ ว่า ทำไมผู้ใช้เลนส์โพรเกรสซีฟ ที่มีค่า SPH. เกิน 6.00D จึงชอบถอดแว่นเมื่ออ่านหนังสือ หรือใช้สายตาในระยะใกล้
ภาพต่อไปนี้ แสดงผลกระทบของ SPH. ลบ บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป ให้เห็นอย่างชัดเจน
3.1 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 2.00D ADD 2.00D
พื้นที่การมองไกล กลาง และ ใกล้ ยังคงกว้างเพียงพอกับการใช้งานได้ดีพอสมควร
SPH. - 4.00D ADD 2.00D SPH. - 2.00D ADD 2.00D
3.2 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 4.00 ADD 2.00D
ระยะกลาง และ ระยะไกล เริ่มแคบลง
ระยะใกล้เริ่มแคบลงเล็กน้อย
SPH. - 5.00D ADD 2.00D
3.3 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 5.00D ADD 2.00D
ระยะกลาง และ ระยะไกล ยิ่งแคบลง
ระยะใกล้ยิ่งแคบลง
SPH. - 5.00D ADD 2.00D
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป ไม่เหมาะสมสำหรับใช้กับค่าสายตาลบ เกินกว่า SPH. 6.00D เพราะพื้นที่การมองในทุกระยะ จะถูกบีบให้แคบลงมาก ดังแสดงให้เห็นในภาพต่อไปนี้
3.4 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 6.00D ADD 2.00D
ระยะใกล้ ระยะกลาง และ ระยะไกล
ยิ่งแคบลงไปอีก
จนเริ่มใช้งานได้ลำบาก ปรับตัวยาก
SPH. - 6.00D ADD 2.00D
3.5 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 7.00D ADD 2.00D
ระยะกลาง และ ระยะไกลยิ่งแคบลงมาก
ระยะใกล้ยิ่งแคบลงมากจนใช้งานแทบไม่ได้
SPH. - 7.00D ADD 2.00D
3.6 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 8.00D ADD 2.00D
ระยะกลาง และระยะใกล้
ยิ่งแคบลงมากจนใช้งานแทนไม่ได้เลย
ระยะไกลยิ่งแคบลง และ การบิดเบือนยิ่งสูง
SPH. - 8.00D ADD 2.00D
3.7 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 10.00D ADD 2.00D
ระยะไกลยิ่งแคบลง และ การบิดเบือนยิ่งสูง
ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนอยู่ในอุโมงค์
SPH. - 10.00D ADD 2.00D
จึงไม่แปลก ที่ผู้ใช้เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป ที่มีเบอร์สายตา ตั้งแต่ SPH. 6.00D ADD 2.00D จึงบ่นกับร้านแว่นเสมอว่า ถอดแว่นแล้วอ่านหนังสือได้สบายกว่า ดังที่ร้านแว่นทั่วประเทศ ประสบปัญหานี้อยู่บ่อยๆ และเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ก่อให้เกิดการขายเลนส์โพรเกรสซีฟแบบทวีหาร ( ยิ่งขาย ลูกค้ายิ่งไปบอกต่อ ว่าเลนส์โพรเกรสซีฟ ใส่ไม่ดี อย่าซื้อ ) ซึ่งตรงข้ามกับการขายเลนส์โพรเกรสซีฟแบบทวีคูณ ( ยิ่งขาย ลูกค้ายิ่งแนะนำญาติสนิท มิตรสหาย มาซื้อเลนส์โพรเกรสซีฟคุณภาพสูงกับร้านแว่นของเรา เพราะปรับตัวง่าย ใส่สบาย มุมมองกว้าง เลนส์บาง น้ำหนักเบา สวยงามสมราคา )
จากภาพที่ผ่านมาข้างต้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงผลกระทบของค่า SPH. ลบ บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของร้านแว่นที่จะต้องอธิบายให้ผู้บริโภคเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป ทราบถึงข้อจำกัดดังกล่าว แล้วเสนอทางเลือกของการเห็นที่ดีกว่า ด้วยเลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology Progressive Back Surface ที่สามารถแก้ไขข้อจำกัดของเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า Semi-Finished Progressive Front Surface ได้มากถึง 65% และให้ความคมชัดสูงสุด ( High Quality Vision ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขับขี่ยานพาหนะในเวลากลางคืน
4. ผลกระทบของค่าสายตาเอียง บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 0.00 CYL. 1.00D x 180 ADD 2.00D
เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับค่าสายตาเอียง แต่ใช้วิธีการขัดค่าสายตาเอียงด้านหลังแบบ
Toric เหมือนเลนส์ชั้นเดียว / สองชั้น
ทำให้พื้นที่การมองเห็นลดลงเป็นอย่างมากในทุกค่า CYL. ที่เพิ่มขึ้น
และ มีการบิดเบือนด้านข้างเพิ่มขึ้นในอัตราทวีคูณ มากกว่าสองเท่าของ SPH.
ดังจะแสดงให้เห็นในภาพดังต่อไปนี้
4.1 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 0.00 CYL. 1.00D x 180 ADD 2.00D
พื้นที่อ่านหนังสือหดแคบเหลือเพียงครึ่งเดียว เมื่อเทียบกับ Plano ADD 2.00D
|
4.2 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 0.00 CYL. 2.00D x 180 ADD 2.00D
พื้นที่อ่านหนังสือยิ่งหดแคบลงอีกเกือบครึ่ง
4.3 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 0.00 CYL. 4.00D x 180 ADD 2.00D
พื้นที่มองไกล กลาง ใกล้ ยิ่งหดแคบลง
SPH. 0.00 CYL. 4.00D x 180 ADD 2.00D
จากภาพข้างต้น แสดงให้เราเห็นถึงผลกระทบของค่าสายตาเอียงบนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป และไม่ควรใช้กับเบอร์สายตาเกินกว่า Plano CYL. 2.00D ADD 2.00D
กรณีที่มีค่า SPH. หรือ SPH. + ร่วมด้วย ยิ่งต้องระมัดระวังในการเลือกใช้เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนลีเก่า ดังจะแสดงให้เห็นในหัวข้อต่อไป
5. ผลกระทบของค่าสายตา SPH. + / CYL.- บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
กรณีเบอร์สายตา SPH. + CYL.- ( บวกเอียงลบ ) ที่เป็น Complete Mix. ผู้ใช้เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป จะไม่ชอบใส่แว่นประจำ จะใส่ก็เมื่อต้องการอ่านหนังสือ หรือ ใช้สายตาในระยะกลาง เช่น รับประทานอาหาร เนื่องจาก
· ในคนที่มีค่าสายตาแบบ Complete Mix. สามารถเพ่งแล้วเห็นภาพคมชัดที่ระดับ VA 20/25 ในระยะไกลอยู่แล้ว โดยไม่ต้องใช้แว่น
· เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนลีเก่าทั่วไป มีมุมมองระยะไกลที่ค่อนข้างแคบในเบอร์สายตาแบบนี้ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถอดแว่นแล้วสบายตากว่า เพราะไม่ถูกรบกวนจากภาพบิดเบือนด้านข้าง
|
5.1 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. + 0.50D CYL. -1.00D x 180 ADD 2.00D
ระยะไกล ระยะใกล้ ถูกบีบแคบลง
5.2 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. + 0.75D CYL. 1.50D x 180 ADD 2.00D
พื้นที่มองใกล้ ยิ่งถูกบีบให้แคบลง
จะเห็นได้ว่าที่เบอร์สายตา SPH. + 0.75D CYL. 1.50D x 180 ADD 2.00D ไม่เหมาะที่จะเลือกใช้เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป เนื่องจากพื้นที่อ่านหนังสือถูก บีบแคบจนอ่านหนังสือได้ลำบาก
SPH. + 0.75D CYL. 1.50D x 180 ADD 2.00D
|
5.3 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. + 1.00D CYL. 2.00D x 180 ADD 2.00D
|
5.4 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. + 1.50D CYL. 3.00D x 180 ADD 2.00D
|
5.5 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. + 2.00D CYL. 4.00D x 180 ADD 2.00D
|
5.6 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. + 3.00D CYL. 4.00D x 180 ADD 2.00D
5.7 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. + 4.00D CYL. 4.00D x 180 ADD 2.00D
จากภาพข้างต้น จะเห็นได้ว่าเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป ไม่เหมาะสำหรับเบอร์สายตาประเภท Complete Mix. เกินกว่า SPH. + 0.75D CYL. 1.50D x 180 ADD 2.00D
SPH. + 4.00D CYL. 4.00D x 180 ADD 2.00D
6. ผลกระทบของค่าสายตา SPH. - / CYL.- บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
6.1 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 2.00D CYL. 0.50D x 180 ADD 2.00D
|
6.2 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 2.00D CYL. 1.00D x 180 ADD 2.00D
พื้นที่อ่านหนังสือแคบลงเกือบครึ่ง เมื่อเทียบกับค่าสายตาเอียง 0.50D
|
6.4 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 2.00D CYL. 2.00D x 180 ADD 2.00D
พื้นที่อ่านหนังสือแคบลงเหลือครึ่งเดียว เมื่อเทียบกับค่าสายตาเอียง 1.00D
|
6.5 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 2.00D CYL. 2.50D x 180 ADD 2.00D
SPH. - 2.00D CYL. 4.00D x 180 ADD 2.00D
พื้นที่อ่านหนังสือยิ่งแคบลง
6.6 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 2.00D CYL. 4.00D x 180 ADD 2.00D
พื้นที่อ่านหนังสือยิ่งแคบลง
จนอ่านหนังสือได้ลำบาก
|
6.7 เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
SPH. 4.00D CYL. 4.00D x 180 ADD 2.00D
พื้นที่อ่านหนังสือยิ่งแคบลง
จนอ่านหนังแทบไม่ได้เลย
6.8
SPH. - 6.00D CYL. 3.00D x 180 ADD 2.00D
SPH.
6.00D CYL. 3.00D x 180 ADD 2.00D
พื้นที่การมองไกลเหมือนอยู่ในอุโมงค์
ระยะกลางแคบจนแทบใช้ไม่ได้เลย
ผู้ใช้ส่วนใหญ่ อ่านหนังสือไม่ได้เลย
ภาพโครงสร้างเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า ในแต่ละค่าสายตา ที่ผ่านมา ได้แสดงให้เราเห็นความจำกัดของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า ที่ถูกจำกัดด้วยกฎทรงมวล เมื่อ SPH. หรือ CYL. หรือ Addition เพิ่ม = มวลเพิ่ม = พื้นที่การมองเห็นจะแคบลง พร้อมกับการบิดเบือนด้านข้างที่สูงขึ้น = ผู้ใช้ ปรับตัวได้ยากขึ้น = ใส่สบายน้อยลง แม้จะปรับตัวได้ แม้จะใช้งานเป็นปีแล้วก็ตาม
เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าแบบ Semi-Finished Progressive Front Surface ได้พยายามแก้ปัญหานี้ โดยการออกแบบ และ ผลิตเลนส์โพรเกรสซีฟ ด้วยระบบ 60 120 โครงสร้าง ซึ่งสามารถลดผลกระทบจากค่า SPH. ลงได้บ้าง โดยมี 5 12 โครงสร้าง สำหรับ SPH. step ละ 1.00D 2.00D แต่ไม่สามารถลดผลกระทบจากค่า CYL. ได้ จึงพบได้บ่อยๆ ในหลายกรณีที่ ผู้ใช้เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า ที่จ่ายเงินซื้อเลนส์โพรเกรสซีฟคู่ละหลายหมื่นบาท แล้วไม่สามารถปรับตัวได้ หรือ ปรับตัวได้แต่ใส่ไม่สบาย หรือ ปรับตัวได้ ใส่สบาย แต่มุมมองแคบ และความคมชัดด้อยลงมาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
จากความรู้อันจำกัดที่ผมมีอยู่ ขณะนี้ยังไม่มีเลนส์โพรเกรสซีฟรุ่นใด ที่เหมาะสำหรับทุกค่าสายตา ทุกวัย ทุกสภาพการใช้งาน แม้ว่าผมจะทุ่มเทศึกษาค้นคว้าเรื่องเลนส์โพรเกรสซีฟ ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีใหม่ อีกหลายรุ่น ที่ผมยังไม่เข้าใจโครงสร้าง จุดดี จุดด้อย อย่างถ่องแท้ เช่น Zeiss Gradal Individual , Seiko Super P1 , Optovision Infinity Individual , R + H Ysis , Shamir Autograph , AO Easy HD , SolaOne , Nikon W Bi-Aspheric และเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพง อีกสามรุ่น ที่ไม่สามารถเอ่ยนามได้ ในที่นี้
บทที่ 4
เปรียบเทียบ ผลกระทบของ SPH. / CYL. / Addition และ Face Form Angle
ระหว่าง เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนยีเก่า กับ
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology Progressive Back Surface
ในบทนี้ เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างของพื้นที่การมอง เมื่อมองด้วยตาทั้งสองข้าง บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า กับเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีล่าสุด 4 ชนิด
1) 12 โครงสร้าง : เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า Semi-Finished Multi-Design by Addition 12 โครงสร้าง ออกแบบสำหรับ P.D. 64 mm / PTA 7 องศา / FFA 5 องศา / CVD 13 mm เท่านั้น
2) 60 โครงสร้าง : เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า Semi-Finished Multi-Design by SPH. & Addition 60 โครงสร้าง ออกแบบสำหรับ P.D. 64 mm / PTA 7 องศา / FFA 5 องศา / CVD 13 mm เท่านั้น
3) Free Form : เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology Progressive Back Surface 4,000,000 โครงสร้าง ออกแบบ อย่างเฉพาะเจาะจงตามค่า SPH. Step ละ 0.25D / ค่า CYL. Step ละ 0.25D & CYL. AXIS Step ละ 1 องศา / รองรับค่า P.D. ได้ตั้งแต่ 40 80 mm / PTA 7 องศา / FFA 5 องศา / CVD 13 mm
4) Individual : เลนส์โพรเกรสซีฟ Individual Free Form Technology Progressive Back Surface 42,600,000,000 โครงสร้าง ออกแบบและผลิตพิเศษอย่างเจาะจงแต่ละค่าสายตา สำหรับกรอบแว่นแต่ละอัน เฉพาะบุคคล
หมายเลขในภาพแต่ละชุด แทนเลนส์โพรเกรสซีฟทั้ง 4 ชนิด 1) , 2) , 3) และ 4) ตามลำดับ
ภาพแต่ละชุด มี 4 ภาพ เปรียบเทียบเลนส์โพรเกรสซีฟทั้ง 4 ชนิด ที่ค่าสายตา และพารามิเตอร์เดียวกัน
การเปรียบเทียบผลของค่าพารามิเตอร์ในบทนี้ จะเปรียบเทียบเฉพาะ Face Form Angle ( FFA ) มาตรฐาน 5 องศา กับ FFA 0 องศา ( หน้าแว่นแอ่นออก )
ภาพแสดง FFA มาตรฐาน 5 องศา
ภาพแสดง FFA 0 องศา
หรือที่เรียกกันว่า หน้าแว่นแอ่นออก ส่วนใหญ่เกิดจากแว่นมีขนาดเล็กกว่าขมับเกิน 10 mm
1. R/L Plano ADD 2.00D : Face Form Angle ( FFA ) 5 องศาตามมาตรฐาน
· เบอร์สายตา R/L Plano ADD 2.00D หาก PD ลูกค้า 64 mm เราสามารถปรับแต่งกรอบแว่นให้ได้ค่าพารามิเตอร์ PTA / FFA / CVD ตามมาตรฐาน เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า 12 โครงสร้าง ก็สามารถใช้งานได้ดีพอสมควร
· เลนส์โพรเกรสซีฟ 60 โครงสร้าง จะให้พื้นที่การมองใกล้กว้างกว่าถึง 50 %
· เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form ให้พื้นที่การมองใกล้กว้างกว่าเลนส์โพรเกรสซีฟ 60 โครงสร้าง เพียง 30%
2. R/L Plano ADD 2.00D : FFA = 0 องศา ( หน้าแว่นแอ่นออก )
ภาพแสดงพื้นที่การมองเห็นที่แคบลง เมื่อค่า FFA ( Face Form Angle หรือที่เรียกกันภาษาช่างแว่นว่า หน้าแว่น ) = 0 องศา มีเพียงเลนส์โพรเกรสซีฟ Individual ในภาพหมายเลข 4) เท่านั้น ที่พื้นที่การมองไม่แคบลง
3. R/L SPH. + 2.00D ADD 2.50D : Face Form Angle ( FFA ) 5 องศาตามมาตรฐาน
· เลนส์โพรเกรสซีฟ 12 โครงสร้าง ในภาพหมายเลข 1) พื้นที่การมองแคบลงมาก จนใช้งานได้ลำบาก
· เลนส์โพรเกรสซีฟ 60 โครงสร้าง ในภาพหมายเลข 2) พื้นที่การมอง ยังคงพอเพียงกับการใช้งาน
· เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form ในภาพหมายเลข 3) พื้นที่การมองใกล้ ยังคงกว้าง และใส่สบาย
4. R/L SPH. + 2.00D ADD 2.50D : FFA = 0 องศา ( หน้าแว่นแอ่นออก )
การประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า 60 โครงสร้าง หรือ เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology เบอร์สายตา R/L SPH. + 2.00D ADD 2.50D จึงต้องปรับแต่งค่า FFA ให้ได้ 5 องศาตามมาตรฐาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพคุ้มค่าเงินหมื่นกว่าบาทที่จ่ายให้กับทางร้าน
5. R/L SPH. - 4.00D ADD 2.50D : Face Form Angle ( FFA ) 5 องศาตามมาตรฐาน
6. R/L SPH. - 4.00D ADD 2.50D : FFA = 0 องศา ( หน้าแว่นแอ่นออก )
ปัญหาเรื่องหน้าแว่นแอ่นออก พบได้บ่อยในการประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟบนกรอบเจาะ SPH. 4.00D ขึ้นไป เลนส์จะมีความโค้งประมาณ 2D หากเจาะด้วยวิธีปกติ จะทำให้หน้าแว่นแอ่นออก และหากแก้ไขมุมเจาะ ก็จะทำให้ขาบีบขมับเข้ามา ต้องดัดขาให้กางออก ซึ่งเป็นงานที่ต้องอาศัยทักษะ และ ความชำนาญ ในระดับสูง
การประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟบนกรอบเจาะ จึงควรเลือกใช้แต่เลนส์โพรเกรสซีฟเนื้อเหนียว High Tensile Strength ความคมชัดสูง ABBE 41 ขึ้นไป เท่านั้น เช่น MR-20 ABBE 42 , MR-8 ABBE 41 , Trivex ABBE 43 เพราะให้ให้ภาพคมชัด และ สามารถปรับแต่งกรอบแว่นได้ง่ายโดยไม่ต้องถอดเลนส์ออกก่อน
7. R/L SPH. - 4.00D CYL. - 2.00D x 180 ADD 2.50D : FFA 5 องศาตามมาตรฐาน
8. R/L SPH. - 4.00D CYL. - 2.00D x 180 ADD 2.50D : FFA = 0 องศา
1)
12 โครงสร้าง
2) 60 โครงสร้าง 3)
Free Form
4) Individual
การประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟที่เบอร์สายตา R/L SPH. - 4.00D CYL. - 2.00D x 180 ADD 2.50D ขึ้นไป เป็นเบอร์สายตาที่ต้องอาศัยฝีมือในการประกอบ โดยจะต้องประกอบให้ได้ค่าพารามิเตอร์มาตรฐาน และควรแจ้งลูกค้าให้นำแว่นมาปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ทุก 3 6 เดือน หรือ ให้นำแว่นมาปรับแต่งทันทีที่รูปทรงเปลี่ยนไปจากตำแหน่งปกติ ( ผมประสบความสำเร็จสูงสุดในการขายเลนส์โพรเกรสซีฟ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ผมสามารถปรับแต่งแว่นโพรเกรสซีฟอันเดิมของลูกค้าที่ทำมาจากที่อื่นให้ใส่สบายกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ลูกค้าจึงซื้อเลนส์โพรเกรสซีฟระดับพรีเมี่ยม และไฮเอนด์ ที่ผมนำเสนอเสมอ )
9. R/L SPH. + 2.00D CYL. - 4.00D x 180 ADD 2.50D : FFA = 5 องศา
จากภาพทั้งสิบชุดที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความแตกต่างของเลนส์โพรเกรสซีฟทั้ง 4 เทคโนโลยี ในแต่ละค่าสายตา ทั้งในกรณีที่ค่าพารามิเตอร์ได้มาตรฐาน และ ในกรณีที่หน้าแว่นแอ่นออก
ภาพต่อไปนี้ แสดง ความกว้างของโซนไกล โซนกลาง และ โซนใกล้ ที่เปลี่ยนไปตามค่าพารามิเตอร์กรอบแว่น ของเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า 60 120 โครงสร้าง ราคาขายปลีกคู่ละหมื่นกว่าบาท ที่ค่าสายตา R/L 0.00 ADD 2.00D ซึ่งออกแบบมาสำหรับค่า CVD 13 mm , PT 7 องศา และ FFA 3 องศา ในกรณีที่ค่า P.D.มาตรฐาน 32 / 32 ( ซึ่งยังไม่มีผลกระทบจากความแคบ / กว้าง ของ P.D. )
ให้สังเกตุพื้นที่การมองเห็นที่แคบลง ตามค่าพารามิเตอร์ที่แตกต่างกันของกรอบแว่นแต่ละอัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณ พื้นที่มองใกล้ ที่แคบลงตามความแตกต่างของค่าพารามิเตอร์ทั้ง 3 เป็นผลให้ผู้ใช้ อ่านหนังสือได้ลำบาก
ทั้ง 4 ภาพที่ผ่านมา เป็นคำอธิบายปัญหา ที่ร้านแว่นมักประสบว่า ลูกค้าหลายท่าน บ่นว่าอ่านหนังสือลำบาก หรือ อ่านหนังสือไม่ได้เลย แม้จะยอมจ่ายเงินซื้อเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่า Semi-Finished Progressive Front Surface เป็นเงินหมื่นกว่าบาทแล้วก็ตาม เนื่องจากค่าพารามิเตอร์ในการใช้งานจริง ต่างกับค่าพารามิเตอร์ที่เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงคู่นั้น ถูกออกแบบมา มากเกินไป
เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า Semi-Finished Progressive Front Surface มีข้อจำกัด ดังต่อไปนี้
1. มีค่า Inset เพียง 60 120 โครงสร้างแบบ Semi-Finished ตามค่า SPH. 6 10 โครงสร้างตาม Base Curve ด้านหน้า และ ตาม Progressive Front Surface 12 Addition ซึ่งทุกโครงสร้าง ถูกออกแบบให้เหมาะกับค่า SPH. เท่ากันทั้งสองข้าง step ละ 1.00D 2.00D โดยไม่คำนึงถึงค่าสายตาเอียง ทำให้
· ผู้ใช้ที่มีค่า SPH. แต่ละข้างแตกต่างกัน ( Anisometropia ) จะมีคุณภาพการมองเห็น ด้อยลงตามค่า Anisometropia โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ Anisometropia เกินกว่า 1.25D ขึ้นไป จะส่งผลให้ผู้ใช้ยิ่งปรับตัวได้ลำบาก
· ผู้ใช้ที่มีค่าสายตาเอียง ในทุกกำลัง ทุกแนวองศา จะมีคุณภาพการมองเห็น ในทุกระยะ ด้อยกว่าผู้ใช้ที่ไม่มีค่าสายตาเอียง และจะยิ่งด้อยลง ในกรณีที่
a. แนวแกนของสายตาเอียงที่ 90 องศา
b. กำลังของสายตาเอียงเกินกว่า -2.00D
c. แนวแกนของสายตาเอียงทั้งสองข้างแตกต่างกันเกินกว่า 30 องศา ขึ้นไป
ภาพแสดงผลกระทบของกฎทรงมวล ที่เกิดขึ้นตามค่า SPH. และ CYL. บนเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า ในกรณีที่ค่าพารามิเตอร์ ตรงตามที่เลนส์ถูกออกแบบมา
ภาพแรก เป็นค่าสายตา
Plano ADD 2.00 D
ภาพที่สอง เป็นค่าสายตา
SPH.-2.00D ADD 2.00 D
ภาพที่สาม เป็นค่าสายตา
SPH.-6.00D ADD 2.00D
ภาพที่สี่ เป็นค่าสายตา
SPH.-2.00D CYL. 2.50D ADD 2.00D
จากภาพทั้งสี่นี้ เป็นคำตอบว่าทำไมผู้ใช้หลายราย ประสบความล้มเหลวในการใช้เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า และ หลายรายมีปัญหาเมื่อใส่ขับรถในเวลากลางคืน
ภาพแสดงการฉีกข้อจำกัดของกฎทรงมวล ที่เกิดขึ้นตามค่า SPH. บนเลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology บนค่าพารามิเตอร์ เดียวกันกับเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า จะเห็นได้ว่า เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form แทบไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย ทั้งในด้าน Vision Field , Quality of Vision และ Astigmatism Error แม้ค่า SPH. จะต่างกันถึง 6.00D ก็ตาม
บนเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่าแบบ Semi-Finished Progressive Front Surface ผู้ออกแบบถูกจำกัดด้วยกฎทรงมวล ที่ค่า Astigmatism Error จะเพิ่มขึ้นตามค่า SPH. / CYL. / ADD เสมอ ทำให้ต้องเลือกระหว่าง
· ยอมสูญเสีย Quality of Vision ด้วยการเฉลี่ยค่า Astigmatism Error ให้ออกห่างจากศูนย์กลางของเลนส์อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรักษา Vision Field , Dynamic Vision และ Comfort of Vision ไม่ให้ลดลงมากเกินไป ตามค่า SPH. / CYL. / ADD ที่เพิ่มขึ้น วิธีนี้ส่งผลให้มีจุดอ่อนในการขับรถตอนกลางคืน
· ยอมสูญเสีย Comfort of Vision และ Dynamic Vision ด้วยการผลักค่า Astigmatism Error ไปรวมไว้บริเวณที่ใช้งานน้อยที่สุด เพื่อรักษา Quality of Vision และ Vision Field ไม่ให้ลดลงมากเกินไป ตามค่า SPH. / CYL. / ADD ที่เพิ่มขึ้น วิธีนี้ส่งผลให้มีจุดอ่อนทำให้ใส่ไม่สบาย และ ปรับตัวได้ช้ากว่าวิธีแรก
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology สามารถฉีกข้อจำกัดเดิมๆ ของ เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่าแบบ Semi-Finished Progressive Front Surface ทั้งสองแบบ โดยสามารถออกแบบเลนส์โพรเกรสซีฟให้มี Vision Field กว้างขึ้น 30 35 % แต่มี Astigmatism Error น้อยลง 35 % ทำให้ มี Vision Field , Dynamic Vision , Comfort of Vision และ Quality of Vision ใกล้เคียงกันในทุกค่าสายตา โดยออกแบบและผลิตอย่างเฉพาะเจาะจง หลายล้านโครงสร้าง ตามค่าสายตา และ ค่าพารามิเตอร์ ของผู้ใช้แต่ละคน
2. โครงสร้างเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่าแบบ Semi-Finished Progressive Front Surface ถูกออกแบบมาสำหรับ ค่า P.D. มองไกล ขวา 32 / ซ้าย 32 ( P.D. รวม 64 ) ทำให้
· ผู้ใช้ที่มีค่า P.D. มองไกล น้อยกว่า 32 / 32 จะเหลือบตาเข้าได้ไม่ถึงจุดศูนย์กลางของ Addition ส่งผลให้ เหลือบตาอ่านหนังสือได้ลำบาก / มีพื้นที่การอ่านหนังสือแคบลงกำลัง และ ส่งผลกระทบเป็นสองเท่าในการใช้งานที่ระยะกลาง
· ผู้ใช้ที่มีค่า P.D. มองไกล มากกว่า 32 / 32 จะเหลือบตาเข้าเลยจุดศูนย์กลางของ Addition ส่งผลให้ หาระยะชัดได้ช้าลง เมื่อเหลือบตาลงมาอ่านหนังสือ ทำให้ไม่สบายตา และ ส่งผลกระทบเป็นสองเท่าในการใช้งานที่ระยะกลาง
จากภาพแสดงความแตกต่างของการเหลือบตาเข้ามาอ่านหนังสือ ของผู้ใช้ที่มี P.D. แคบ หรือ กว้างกว่าปกติ ที่ผ่านมานี้ เป็นคำตอบว่าทำไมผู้ใช้หลายราย ประสบความล้มเหลวในการใช้เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า และ หลายรายมีปัญหาในการใช้งานทั้งในระยะกลาง และ ระยะใกล้
เปรียบเทียบโครงสร้างของเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า
1. Hoyalux Summit pro มีเพียง 120 โครงสร้าง 10 โครงสร้างตามค่า SPH และ 12 โครงสร้างตามค่า ADD
2. Sola Percepta มีเพียง 60 โครงสร้าง 5 โครงสร้างตามค่า SPH 12 โครงสร้างตามค่า ADD
3. เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพง ที่เชื่อกันว่าดีที่สุดในกลุ่มเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า Semi-finished Progressive Front Surface ( SPFS ) มีเพียง 60 - 72 โครงสร้าง ตามแต่เนื้อวัสดุ โดยมี 5 - 6 โครงสร้างตามค่า SPH ( เนื้อวัสดุ 1.6 ขึ้นไป มี 6 โครงสร้าง ) และ 12 โครงสร้างตามค่า ADD
4. เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่า มี Performance ที่ดีในระดับที่ยอมรับได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
· เลือกกรอบแว่น และ ปรับแต่งกรอบแว่นให้ได้ค่า Face Form Angle / Cornea Vertex Distance / Pantoscopic Tilt Angle ตามที่เลนส์รุ่นนั้น ถูกออกแบบมา
· ค่า Rx มีแต่ SPH. / Addition / ไม่มี Anisometropia
· Near Point Convergence ปกติ
· Monocular P.D. ประมาณ R 32 / L 32
5. เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่า แต่ละรุ่น จะมีจุดเด่นและจุดด้อย ในแต่ละค่า SPH. ที่ต่างกันออกไป
· Sola Percepta มีความโดดเด่นในกรณีของ SPH ลบ
· เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่าบางรุ่น มีความโดดเด่นในกรณีของ SPH บวก แต่มีจุดอ่อนในกรณีของ SPH ลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณภาพการมองเห็นเมื่อเหลือบมองด้านข้าง ในขณะขับรถตอนกลางคืน
6. เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่าทุกรุ่น จะมี Performance ลดลงในกรณีดังต่อไปนี้
· กรณีที่มีสายตาเอียง
· มีปริซึม
· Anisometropia
· Near Point Convergence ผิดปกติ
· Monocular P.D. มากกว่า หรือ น้อยกว่า R 32 / L 32
7. เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า จะยิ่งมี Performance ลดลง ในกรณีที่
· กำลังสายตาเอียงเกิน 2.00D
· แนวแกนของสายตาเอียง ขัดแย้งกัน
· Anisometropia เกิน 1.25D
· Near Point Convergence เป็นศูนย์
8. กรณีของ Near Point Convergence ผิดปกติ หากมีความจำเป็นจะต้องเลือกใช้ เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า ผู้ตรวจ/ประกอบ ควรตรวจ Near Point Convergence ของลูกค้า และ ควรมีความรู้ความเข้าใจใน Inset ของเลนส์ที่ใช้ ในแต่ละค่า Rx เพื่อจะทดค่า P.D. ในการประกอบได้อย่างถูกต้อง ก็จะช่วยให้ Performance ในส่วนของ Reading Zone ไม่ลดลงมากเกินไป ( แต่อาจส่งผลให้ไปลด Performance ของ Intermediate Zone และ Distance Zone )
ภาพแสดงการหาค่า Near Point Down Gaze Convergence P.D.
จะเห็นได้ว่าผู้ใช้เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า จะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ ระหว่างความคมชัด กับ ความสบาย , มุมมองกว้าง กับ การบิดเบือน , เน้น โซนไกล โซนกลาง หรือ โซนใกล้ อีกทั้งการประกอบให้ใช้ได้ดี ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญ เรื่องการทด P.D. , การเลือกใช้โครงสร้างเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าแต่ละรุ่น ให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน โดยต้องคำนึงถึงค่าสายตา พฤติกรรม อาชีพ งานอดิเรก อุปนิสัย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ร้านแว่นทุกร้าน จะสามารถฝึกฝนได้ ในระยะเวลาอันสั้น
เลนส์โพรเกรสซีฟ Individual Free Form Technology จึงเป็นทางลัดสำหรับร้านแว่นขนาดเล็ก ที่มีความจำกัดด้านความรู้ ความชำนาญ บุคลากร งบประมาณ ให้สามารถประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟให้ใช้งานได้ดี สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า อันก่อให้เกิดการขายเลนส์โพรเกรสซีฟแบบทวีคูณ เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง ตามศักยภาพของแต่ละร้าน จนก่อเกิดความศรัทธาต่อวิชาชีพตรวจวัดสายตา ประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟทวีคูณ แก่คนรุ่นต่อไป
บทที่ 5
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology
เหนือกว่าเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า อย่างไร
ภาพมุมมองที่หดแคบลงตามค่าสายตาที่เพิ่มขึ้น ของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า ในบทที่ผ่านมา ได้แสดงให้เราเห็นความจำกัดของเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า ที่ถูกจำกัดด้วยกฎทรงมวล เมื่อ SPH. หรือ CYL. หรือ Addition เพิ่ม = มวลเพิ่ม = พื้นที่การมองเห็นจะแคบลง พร้อมกับการบิดเบือนด้านข้างที่สูงขึ้น = ผู้ใช้ ปรับตัวได้ยากขึ้น และใส่ไม่สบาย ในระยะยาว
ผู้ผลิตเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าแบบ Semi-Finished Progressive Front Surface ได้พยายามแก้ปัญหานี้ โดยการออกแบบ และ ผลิตเลนส์โพรเกรสซีฟ ด้วยระบบ 60 ถึง 120 โครงสร้าง ซึ่งสามารถลดผลกระทบจากค่า SPH. ลงได้บ้าง โดยมี 5 ถึง 12 โครงสร้าง สำหรับ SPH. step ละ 1.00D ถึง 2.00D แต่ไม่สามารถลดผลกระทบจากค่าสายตาเอียง ( Cylindrical Effect ) เนื่องจากยังใช้เทคโนโลยีเก่าแก่ที่มีอายุนับร้อยปี ในการขัดค่า SPH. และ CYL. ด้านหลังแบบ Spherical และ Toric จึงพบได้บ่อยๆ ในหลายกรณีที่ ผู้ใช้เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า ที่จ่ายเงินซื้อเลนส์โพรเกรสซีฟคู่ละหลายหมื่นบาท แล้วไม่สามารถปรับตัวได้ หรือ ปรับตัวได้แต่ใส่ไม่สบาย หรือ ปรับตัวได้ ใส่สบาย แต่มุมมองแคบ และความคมชัดด้อยลงมาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
สองภาพนี้ เป็นโครงสร้างเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า รุ่นเดียวกัน แสดงให้เห็นมุมมองที่แคบลง การบิดเบือนด้านข้างที่เพิ่มขึ้นบริเวณโซนไกล
ภาพทางซ้ายเป็นโครงสร้างของค่าสายตา Plano ADD 2.00D , ภาพทางขวาเป็นโครงสร้างของค่าสายตา Plano Cyl .- 2.50D ADD 2.00
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology รุ่นแรกๆ ที่ผลิตขึ้นในช่วงปี 2000 ได้แก้ปัญหาเหล่านี้ ด้วยการใช้เทคโนโลยี Free Form ขัดผิวด้านหลัง โดยขัดค่าสายตา SPH. แบบ Aspheric step ละ 0.12D , และขัดค่าสายตาเอียง แบบ Atoric Step ละ 0.12D / แนวองศา Step ละ 1 องศา ทำให้สามารถลดการบิดเบือนด้านข้าง ที่เพิ่มขึ้นจากค่า SPH. และ ค่าสายตาเอียงในทุกองศา แต่ผิวโพรเกรสซีฟ ยังอยู่ด้านหน้า เราเรียกเลนส์โพรเกรสซีฟชนิดนี้ว่า Free Form Progressive Front Surface เช่น Rodenstock Multigressiv 2 ซึ่งเป็นเลนส์โพรเกรสซีฟที่เหนือกว่าเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าทุกรุ่น
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology ฉีกข้อจำกัดเดิมๆ ของอันเป็นข้อจำกัดที่ไม่สามารถแก้ไขได้บน เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่าแบบ Semi-Finished Progressive Front Surface อันประกอบด้วย
· การบิดเบือนด้านข้าง ตามค่า SPH. / CYL. / ADD ที่เพิ่มขึ้นตามกฎทรงมวล ทำให้ปรับตัวได้ยาก
· Optic Quality ที่ลดลง ตาม SPH. / CYL. / ADD ที่เพิ่มขึ้นตามกฎทรงมวล
· Vision Field ที่ลดลง ตาม SPH. / CYL. / ADD ที่เพิ่มขึ้นตามกฎทรงมวล โดยเฉพาะผู้ใช้ที่มี SPH. เกินกว่า -2.00D
· การบิดเบี้ยวของ Inset กรณีที่ผู้ใช้มีค่าสายตาเอียง ทำให้ระยะกลาง และ ระยะใกล้ ด้อยกว่าผู้ใช้ที่ไม่มีค่าสายตาเอียง (cylindrical effect )
· Anisometropia
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Progressive Front Surface ได้รับการออกแบบ และ ผลิตอย่างเฉพาะเจาะจงทีละข้าง ด้วยการขัดค่า SPH. และ CYL. บนเลนส์ทีละจุดแบบ Aspheric / Atoric ทำให้สามารถลดการบิดเบือนด้านข้างจากค่า SPH. และ CYL. ลงได้ถึง 35% โดยยังคงรักษา Quality of Vision เพราะไม่ต้องกระจายการบิดเบือนเป็นรูปเขาควาย ไปทั่วทั้งแผ่นเลนส์ เหมือนเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าบางรุ่น ที่ส่งผลให้ Quality of Vision ลดลง จนทำให้เกิดปัญหาเมื่อขับรถในเวลากลางคืน
ภาพแสดงการกระจายการบิดเบือน 0.12D แบบเขาควาย ของเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาด้านความคมชัดในเวลากลางคืน
ภาพทางขวา แสดงมุมมองที่กว้างกว่าถึง 35% ของเลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form ที่ค่าสายตา
SPH. 0.00D CYL. 2.00D x 45 ADD 2.00D
ภาพทางขวา แสดงมุมมองที่กว้างกว่าถึง 30 % ของเลนส์โพรเกรสซีฟ Free Formที่ค่าสายตา
SPH. 4.00 Prism 3 Base Down
ADD 2.00D
ภาพแสดงวิธีการขัดเลนส์ด้วยเทคโนโลยี Free Form ที่สามารถขัดโครงสร้างเลนส์อย่างเฉพาะเจาะจง ให้กับค่าสายตาที่แตกต่างกันได้หลายล้านโครงสร้าง ทำให้ลดการบิดเบือนทั่วทั้งแผ่นเลนส์ได้ถึง 35% ทำให้ได้ความคมชัดสูงสุด ทุกมุมมอง ในทุกค่าสายตา
รูปร่างหน้าตาของเครื่อง CNC ที่ใช้ขัด
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยี Free Form ได้รับการพัฒนาต่อ ในสองแนวทาง
1. ย้ายผิวโพรเกรสซีฟไปไว้ด้านหลังบางส่วน เรียกว่า Double Side Progressive Surface ( Dual ADD ) เพื่อลดการบิดเบือนด้านข้างให้น้อยลง ผู้ผลิตเลนส์โพรเกรสซีฟ ที่มีความชำนาญด้าน Hard Design จะเลือกผลิตเลนส์เทคโนโลยีแบบนี้ เช่น Hoyalux iD , DEFINITY , Nikon Presio W
2. ย้ายผิวโพรเกรสซีฟไปไว้ด้านหลังทั้งหมด เรียกว่า Progressive Back Surface ทำให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น ผู้ผลิตเลนส์โพรเกรสซีฟ ที่มีความชำนาญด้าน Soft Design จะเลือกผลิตเลนส์เทคโนโลยีแบบนี้ เช่น Rodenstock Multigressiv ILT
ภาพบนทางซ้ายมือแสดงถึง
เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า
Semi-Finished Progressive Front Surface
ภาพบนทางขวามือแสดงถึง
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Progressive Back Surface ซึ่งให้มุมมองที่กว้างกว่า แต่การบิดเบือนด้านข้างไม่เพิ่มขึ้น ดังแสดงให้เห็นในภาพหน้าถัดไป
ภาพแสดงมุมมองของเลนส์โพรเกรสซีฟ
Free Form Progressive Back Surface
ที่กว้างกว่าเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า
ภาพแสดงถึงเลนส์โพรเกรสซีฟที่มีโครงสร้างเดียวกัน เมื่อผลิตด้วย Free Form Technology จะทำให้ Vision Field กว้างขึ้น การบิดเบือนด้านข้างลดลง และ ได้เลนส์ที่บางกว่าเดิม 30 35 % |
ในปัจจุบันเลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form ได้พัฒนาเข้าสู่ยุคการออกแบบ และผลิต เฉพาะบุคคล ด้วยโครงสร้างที่แตกต่างอย่างเฉพาะเจาะจงถึง 42,600,000,000 ล้านโครงสร้าง เช่น Rodenstock Impression ILT , Zeiss Gradal Individual , Optovision Infinity Individual ทำให้สามารถผลิตเลนส์โพรเกรสซีฟที่ดีที่สุด สำหรับแต่ละบุคคล ในการใช้งานแต่ละด้าน ได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
การประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีสูงเหล่านี้ ต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ และเครื่องมือในการประกอบโดยเฉพาะ จึงเหมาะสำหรับร้านแว่นที่พัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดนิ่งเท่านั้น
เลนส์โพรเกรสซีฟ Individual กับ เลนส์โพรเกรสซีฟ Personalized ต่างกันอย่างไร
1. เลนส์โพรเกรสซีฟ Individual หมายถึง เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form ที่ออกแบบเฉพาะเจาะจง ตามค่าสายตาของแต่ละบุคคล บนค่าพารามิเตอร์ของกรอบแว่นแต่ละอัน ของแต่ละบุคคล เช่น Rodenstock Impression ILT , Zeiss Gradal Individual , Optovision Infinity Individual หากลูกค้าหนึ่งรายสั่งเลนส์โพรเกรสซีฟ Individual 4 คู่ เบอร์สายตาเดียวกัน สำหรับกรอบแว่น 4 รุ่น เลนส์จะถูกออกแบบและผลิต เจาะจงตามค่าพารามิเตอร์ของแว่นแต่ละอัน โดยไม่มีข้อจำกัดว่าต้องเลือกกรอบแว่นที่สามารถปรับแต่งให้ได้มาตรฐาน PTA 7 องศา / FFA 5 องศา / CVD 13 mm เหมือนสมัยก่อน
2. เลนส์โพรเกรสซีฟ Personalized หมายถึง เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form ที่ออกแบบเฉพาะค่าสายตาของแต่ละบุคคล และเลือกโครงสร้าง Soft หรือ Hard ตามพฤติกรรมการหันศีรษะ / การกลอกตา หากลูกค้าหนึ่งรายสั่งเลนส์โพรเกรสซีฟ Personalized 4 คู่ เบอร์สายตาเดียวกัน สำหรับกรอบแว่น 4 รุ่น เลนส์ทั้ง 4 คู่ จะถูกออกแบบและผลิต เหมือนกันทั้ง 4 คู่ กรอบแว่นที่ใช้ จะต้องปรับแต่งให้ได้มาตรฐาน PTA 7 องศา / FFA 5 องศา / CVD 13 mm หากกรอบแว่นโค้งน้อยหรือมากเกินไป จะส่งผลให้ใช้งานได้ไม่ดี หรือไม่สามารถใช้งานได้เลย
บทที่ 6
เลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์
Individual Free Form Technology
เหนือกว่าเลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form ราคาแพงทั่วไป อย่างไร
เลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ เทคโนโลยี Individual Free Form ถูกออกแบบมาเพื่อฉีกข้อจำกัดเดิมๆ ที่ผู้ใช้ต้องเลือกกรอบแว่นที่ออกแบบได้มาตรฐานตามค่าพารามิเตอร์ สำหรับเลนส์โพรเกรสซีฟทั่วไป และ เพื่อลดระยะเวลาการปรับตัวของผู้ใช้ ให้สั้นที่สุด
ค่าพารามิเตอร์กรอบแว่น ที่ทำให้ผู้ใช้เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า ปรับตัวได้ยาก ประกอบด้วย
· Face Form Angle ( FFA ) : กรอบแว่นโค้งเข้า หรือ แอ่นออก มากเกินไป
· Pantoscopic Tilt Angle ( PTA ) : กรอบแว่นก้ม หรือ เงย มากเกินไป
· Cornea Vertex Distance ( CVD ) : กรอบแว่นชิดหน้า หรือ ห่างหน้า มากเกินไป
เลนส์โพรเกรสซีฟ Individual ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองแนวคิดของเลนส์โพรเกรสซีฟที่ปรับตัวได้ทันที ( Instant Adaptation ) โดยการออกแบบ และ ผลิตเลนส์โพรเกรสซีฟ ตามตำแหน่งของกรอบแว่นบนใบหน้าของผู้ใช้ แทนการที่ผู้ใช้ ต้องปรับตัวให้เข้ากับเลนส์โพรเกรสซีฟ ในแต่ละตำแหน่งของกรอบแว่น
เลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ ที่ใช้เทคโนโลยี Individual Free Form สามารถออกแบบ และ ผลิตเลนส์ตามค่าพารามิเตอร์ที่ใช้งานจริงของผู้ใช้ ทำให้ผู้ประกอบ ไม่ต้องฝืนเสี่ยงปรับแต่งกรอบแว่นให้เข้ากับเลนส์ อีกต่อไป แต่เลนส์ Individual Free Form จะถูกออกแบบและผลิตอย่างเฉพาะเจาะจง ให้กับผู้ใช้แต่ละคน ในกรอบแว่นแต่ละอัน เพื่อคุณภาพการมองเห็น ในระดับสูงสุด
โครงสร้างเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
ถูกออกแบบมาให้รองรับค่าพารามิเตอร์ของกรอบแว่น CVD 15 , PTA
8° , FFA 4° หากเป็นกรณีที่มีค่าสายตาเอียงที่มี SPH. + ร่วมด้วย
และค่าพารามิเตอร์ ในการใช้งานจริง ไม่ตรงตามที่ถูกออกแบบมา
จะส่งผลให้คุณภาพการมองเห็นในการใช้งานจริงด้อยลงเป็นอย่างมาก
ดังแสดงในภาพข้างล่าง
Sph +2.50D Cyl.-1.00D Axis 150 Add 1.50D
PD 32 / 32 , CVD 15 , PTA 8° , FFA 4°
Sph +2.50D Cyl.-1.00D Axis 150 Add 1.50D PD 35 / 35 , CVD 10 , PTA 5° , FFA 0°
แม้แต่เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพง
Free Form Double Surface คู่ละสามหมื่นบาท
ก็ได้รับผลกระทบหากค่าพารามิเตอร์ของกรอบแว่นในการใช้งาน ไม่ตรงตามที่เลนส์ถูกออกแบบมา
ดังรูปข้างล่างนี้
Sph +2.50D Cyl.-1.00D Axis 150 Add 1.50D
PD 32 / 32 , CVD 13 , PTA 7° , FFA 5°
Sph +2.50D Cyl.-1.00D Axis 150 Add 1.50D PD 35 / 35 , CVD 10 , PTA 5° , FFA 0°
แต่เลนส์โพรเกรสซีฟ Individual Free Form ได้เปรียบเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงดังกล่าว ดังรูปข้างล่าง
Sph +2.50D Cyl.-1.00D Axis 150 Add 1.50D
PD 32 / 32 , CVD 13 , PTA 7° , FFA 5°
Sph +2.50D Cyl.-1.00D Axis 150 Add 1.50 PD 35 / 35 , CVD 10 , PTA 5° , FFA 0°
ภาพต่อไปนี้ แสดง Vision Field ที่เปลี่ยนไปตามกรอบแว่น ของเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า ที่ค่า Rx R/L 0.00 ADD 2.00D ซึ่งออกแบบมาสำหรับค่า CVD 13 mm , PT 7 องศา และ FFA 3 องศา ในกรณีที่ค่า P.D.มาตรฐาน 32 / 32 ( ซึ่งจะไม่มีผลกระทบจากความแคบ / กว้าง ของ P.D. )
จากรูปข้างล่าง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงคู่ละหลายหมื่นบาททั่วไป สีขาวแสดงถึง Vision Field ให้สังเกตุ Vision Field โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณ Reading Zone ที่หายไปตามความแตกต่างของค่าพารามิเตอร์ทั้ง 3 ทำให้หา Reading Zone ไม่เจอ
จากภาพทั้งสองชุดที่ผ่านมา ได้ไขข้อข้องใจที่ร้านแว่นมักประสบว่า ลูกค้าหลายท่าน มีอาการหา Reading Zone ไม่เจอ แม้จะยอมจ่ายเงินซื้อเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่า Semi-Finished Progressive Front Surface เป็นเงินหมื่นกว่าบาท หรือแม้กระทั่งเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพง Free Form Technology ราคาคู่ละหลายหมื่นบาทแล้วก็ตาม เนื่องจากค่าพารามิเตอร์ในการใช้งานจริง ต่างกับค่าพารามิเตอร์ที่เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงคู่นั้น ถูกออกแบบมา
แต่เลนส์โพรเกรสซีฟ Individual Free Form Technology จะไม่ได้รับผลกระทบ จากค่าพารามิเตอร์ PTA , FFA และ CVD ดังที่แสดงให้เห็นในรูปข้างล่างนี้
เลนส์โพรเกรสซีฟ Individual Free Form Technology เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่สำหรับร้านแว่น ในการตรวจวัดสายตา ประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ ด้วยแนวคิด See Clearer , Feel Younger and Look Better เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดเรื่อง ความโค้งของกรอบที่มีค่า Face Form Angle มากกว่า + 5 องศา หรือ กรอบพลาสติกแบรนด์เนมชื่อดัง ที่มีขาหนาตามแฟชั่น และมี Pantoscopic Tilt Angle น้อยกว่า 7 องศา เทคโนโลยี Individual Free Form Technology นี้ ได้ช่วยให้ลูกค้ามีความสุขกับการใส่แว่นโพรเกรสซีฟบนกรอบที่ชื่นชอบ และมีคุณภาพการมองเห็นชัดทุกระยะในระดับสูงสุด จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ และแนะนำเพื่อนๆที่มีปัญหาเดียวกันกับการเลือกแว่นโพรเกรสซีฟ โดยไม่ถูกจำกัดความปรารถนาทางแฟชั่น ความงาม และ รสนิยม เหมือนเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า
เลนส์แว่นตาโพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ Individual Free Form Technology เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ในการตรวจวัดสายตา ประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟให้ได้ Performance สูงสุด แม้ผู้ประกอบ จะขาดพื้นฐานความรู้เรื่อง Inset , PTA , FFA , CVD และ Near Point Convergence ก็ตาม
โอกาสทางธุรกิจตรวจวัดสายตา ประกอบ เลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์จึงเปิดกว้างสำหรับร้านแว่น ที่มีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องนี้ และสามารถขายเลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ ได้ง่ายกว่าที่เคยคิด โดยลงทุนเพิ่มเติมไม่กี่พันบาท และ ใช้เวลาในการฝึกอบรมการนำเสนอ / การตรวจวัดค่าพารามิเตอร์ เพียงไม่กี่ชั่วโมง เท่านั้น
บทที่ 7
การวัดค่าพารามิเตอร์ CVD / PTA / FFA ของกรอบแว่น
อย่างถูกต้อง รวดเร็ว แบบมืออาชีพ
เพื่อประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ Individual Free Form Technology
และ เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป
การตรวจวัดค่าพารามิเตอร์ของเลนส์โพรเกรสซีฟ เพื่อประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ Individual Free Form Technology มีสี่วิธี ดังต่อไปนี้
1. ตรวจวัดด้วยไม้พีดีนำศิลปไทย และ แผ่นชาร์ทวัด FFA แบบทำเอง
2. ตรวจวัดด้วย ชุด Rodenstock Impression ILT Ruler ชุดเล็ก
3. ตรวจวัดด้วย ชุด Rodenstock Impression ILT Ruler ชุดใหญ่
4. ตรวจวัดด้วย Rodenstock ImpressionIST
( ศูนย์โพรเกรสซีฟทวีคูณนำศิลปไทย กำลังจัดทำ Video CD , Video DVD และ CD-ROM การตรวจวัดค่าพารามิเตอร์ของกรอบแว่น ทั้ง 4 วิธี ให้กับร้านแว่นที่ซื้อเป้าเลนส์ 40,000 บาท เพื่อเข้าโครงการ PRP ทั้ง 4 คอร์ส คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ภายในเดือนกรกฎาคม 2006 )
1) ตรวจวัดด้วยไม้พีดี และ แผ่นชาร์ทวัด FFA แบบทำเอง
· การวัดค่า CVD : ให้วัดด้านข้างของลูกค้า ด้วยไม้พีดี โดยวัดระยะจากกระจกตา ถึงกรอบแว่น ตามรูป
· การวัด Pantoscopic Tilt Angle ( PTA ) แบบหน่วยเป็น mm : ให้ขีด หรือ จุด ทำเครื่องหมายบน Demo Lenses สองจุดจากด้านหน้า ดังรูป โดยจุดให้ตรงกึ่งกลางตาดำ
a. จุดตำแหน่งแรก โดยปรับศีรษะของลูกค้า ให้กระจกตาทำมุม 90 องศากับพื้น หรือให้ลูกค้ามองตรงไปข้างหน้า
b. จุดตำแหน่งที่สอง โดยปรับศีรษะของลูกค้า ให้ Demo Lenses ของกรอบแว่น ทำมุม 90 องศากับพื้น
c. วัดระยะห่างระหว่างจุดแรก กับจุดที่สอง แล้วบันทึกค่าเป็นมิลลิเมตร
จากรูป อ่านค่า PTA ได้ 5 มิลลิเมตร
ให้บันทึกค่า เพื่อสั่งเลนส์โพรเกรสซีฟ Individual Free Form Technology โดยระบุในแบบฟอร์มสั่งเลนส์ว่า PTA 5 mm
· การวัดค่า PTA เป็นองศา ด้วยไม้วัดพีดี NST PTA Ruler ของนำศิลปไทย
วิธีนี้ ให้ลูกค้าสวมกรอบแว่นแล้วมองตรง ปรับกรอบแว่นให้พอดี แล้วทาบไม้วัดพีดีให้ขนานกับพื้น แล้วสังเกตดูว่า แนวของ Demo Lenses หรือ กรอบแว่นขนานกับเส้นกี่องศา จากภาพ วัดได้ประมาณ 10 องศา ( ควรเลื่อนไม้พีดีไปให้ชิดกับกรอบแว่น จะอ่านค่าได้ง่ายกว่า )
หากประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า จะต้องดัดมุมขาแว่น เพื่อลด PTA ให้เหลือ 7 องศา จะใส่สบาย ปรับตัวง่าย และได้มุมมองกว้างเต็มที่
การดัดมุมขาแว่น เพื่อลด หรือ เพิ่ม PTA บนกรอบเซาะร่อง หรือ กรอบเจาะ ต้องใช้เครื่องมือ และ เทคนิคพอสมควร ซึ่งร้านแว่นที่เข้าโครงการ PRP ซื้อเป้าเลนส์ 40,000 บาท ของนำศิลปไทย สามารถเข้ามาเรียนได้ที่ศูนย์โพรเกรสซีฟทวีคูณ นำศิลปไทย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
NST PTA Ruler มีจำหน่ายในราคาอันละ 100 บาท สั่งซื้อได้ที่ผู้แทนฝ่ายขาย หสน.นำศิลปไทย หรือรับได้ฟรี เมื่อเข้าอบรมหลักสูตร NPP / NPA หรือ PRP ของศูนย์โพรเกรสซีฟทวีคูณนำศิลปไทย ( NPC )
· การวัดค่า Face Form Angle ( FFA ) ด้วยแผ่นชาร์ทวัด FFA แบบทำเอง
ภาพแสดงแผ่นชาร์ทวัดค่า FFA แบบทำเอง โดยสามารถใช้รูปนี้ วัดค่า FFA ได้โดยการขีดเส้นบอกองศาโดยประมาณ Step ละ 2.5 องศา โดยมีจุดศูนย์กลางที่วงกลมเล็กสีขาว ค่า FFA มีหน่วยเป็นองศา และ ขนาดของแผ่นชาร์ทใหญ่ หรือ เล็กกว่าขนาดจริง ไม่มีผลต่อค่าที่วัดได้ เนื่องจากหน่วยเป็นมุมองศา ไม่ใช่ความยาวเป็นมิลลิเมตร วิธีการวัดค่า FFA มีอธิบายในหัวข้อ การวัดค่า FFA ด้วย Rodenstock Impression ILT Ruler ในเล่มนี้
![]() |
ภาพแสดง Face Form Angle 0 องศา ที่เรียกว่า หน้าแว่นแอ่นออก เมื่อวางกรอบแว่น จุดที่ 2 และ 3 บนเส้นตรง หากจุดที่ 1 และ จุดที่ 4 อยู่ในแนวเดียวกันกับจุดที่ 2 และ 3 แสดงว่า Face Form Angle เป็นศูนย์ ( หน้าแว่นแอ่นออก ) จากรูปค่า Face Form Angle 0 องศา หากลูกค้าใส่แว่นโพรเกรสซีฟแล้วหน้าแว่นแอ่นออกแบบนี้ จะทำให้พื้นที่อ่านหนังสือแคบลงจนแทบไม่สามารถใช้งานได้ วิธีแก้ไข จะต้องดัดหน้าแว่นให้โค้งเข้าหาใบหน้า ข้างละ 2.5 องศา จึงจะใช้งานได้ดี
เมื่อวางกรอบแว่น จุดที่ 2 และ 3 บนเส้นตรง หากจุดที่ 1 และ จุดที่ 4 อยู่ต่ำกว่าจุดที่ 2 และ 3 แสดงว่า Face Form Angle เป็นบวก ( หน้าแว่นโค้งเข้าหาใบหน้า ) จากรูปค่า Face Form Angle ประมาณ 5 องศา
การวัดค่า Face Form Angle ด้วย Face Form Angle Chart
· วางกรอบแว่น จุดที่ 1, จุดที่2 และ จุดที่ 3 บน Chart ตามรูป
· อ่านค่าจากเส้นบอกองศาบน Face Form Angle Chart ว่า จุดที่ 3 กับ จุดที่ 4 ของกรอบแว่น ขนานกับแนวองศาใดมากที่สุด จากรูป จุดที่ 3 กับจุดที่ 4 ขนานกับเส้น 5 องศามากที่สุด อ่านค่า Face Form Angle ได้ 5 องศา
การประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า ควรปรับแต่งกรอบแว่นให้ได้ค่า Face Form Angle 5 องศา คลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน + / - 2 องศา หากคลาดเคลื่อนมากกว่านี้ จะมีผลทำให้พื้นที่อ่านหนังสือแคบลงถึงครึ่งหนึ่ง หรือมากกว่านั้น
กรณีสั่งเลนส์โพรเกรสซีฟ Individual Free Form Technology ให้วัดค่า Face Form Angle ( FFA ) แล้วทดค่าโดยยึดหลักดังต่อไปนี้
· กรอบเต็ม กรอบเซาะร่อง ทุกเบอร์สายตา ลดค่า FFA ลง 1 - 2 องศา เนื่องจากกรอบแว่นส่วนใหญ่ จะแอ่นออกอีกเล็กน้อย เมื่อใช้งานจริง
· กรอบเจาะ เบอร์สายตาลบ ตั้งแต่ 4.00 ขึ้นไป ลดค่า FFA ลง 3 4 องศา เนื่องจากเลนส์จริง มีความโค้งประมาณ 2D ขณะที่ Demo Lenses บนกรอบเจาะ มีความโค้งประมาณ 5D
การวัดค่า Face Form Angle ด้วย Face Form Angle Chart มีโอกาสคลาดเคลื่อนได้ถึง + / - 3 องศา ขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้วัด
ร้านแว่นที่ต้องการประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ Individual Free Form Technology จึงควรลงทุนซื้อ Rodenstock Impression ILT Ruler ชุดเล็ก ราคาชุดละ 1,200 บาท หรือ ชุดใหญ่ ราคาชุดละ 4,500 บาท ซึ่งเป็นการลงทุนที่ต่ำและคุ้มค่ามากกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องวัดค่าพารามิเตอร์ของเลนส์โพรเกรสซีฟในระดับเดียวกันของบริษัทอื่น ที่ต้องลงทุนหลายแสนบาท เพียงเพื่อขายเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเพียงรุ่นเดียว
2) การตรวจวัดค่าพารามิเตอร์ ด้วย Rodenstock Impression ILT Ruler ชุดเล็ก :
Rodenstock Impression ILT Ruler ชุดเล็ก บรรจุในกล่องพลาสติก เรียบหรู ดูดี ประกอบด้วย
· Face Form Angle Ruler
· ไม้วัด CVD
2.1 ) การวัดค่า CVD ด้วย Rodenstock Impression ILT Ruler : จะต้องวัดในห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอโดยมีขั้นตอนการวัดดังต่อไปนี้
o ทาบไม้วัด CVD ให้ชิดกับ Demo Lenses ด้านขวาของลูกค้า ( วงกลมสีดำคือรูม่านตา ) แล้วเลื่อนไม้วัดจนเห็นตาดำของลูกค้าตามรูป วางไม้วัดให้หัวสามเหลี่ยมสีฟ้า ทางขวามือของผู้วัด ตรงกับขอบตาดำครึ่งบนของไม้วัด ดังรูป
วงกลมสีดำคือรูม่านตา
ภาพของตาดำที่ปรากฎบนไม้วัด CVD
ภาพแสดงภาพของตาดำ
ที่ปรากฎบนไม้วัด CVD
o การวัด CVD ตาขวา ของลูกค้า ใช้ครึ่งล่างของไม้วัด โดยให้หัวลูกศรตรงกับขอบตาดำของครึ่งบน แล้ววัดจากขีด 0 ของไม้วัดครึ่งล่างไปทางซ้ายมือของผู้วัด จนถึงขอบตาดำ ของครึ่งล่าง ดังรูป จากตัวอย่างภาพข้างล่าง วัด CVD ตาขวาของลูกค้า ได้ 12 mm
o การวัด CVD ตาซ้าย ของลูกค้า ใช้ครึ่งบนของไม้วัด โดยให้หัวลูกศรตรงกับขอบตาดำของครึ่งล่าง แล้ววัดจากขีด 0 ของไม้วัดครึ่งบนไปทางขวามือของผู้วัด จนถึงขอบตาดำ ของครึ่งบนดังรูป จากตัวอย่างภาพข้างล่าง วัด CVD ตาขวาของลูกค้า ได้ 12 mm
2.2) การวัดค่า Face Form Angle ด้วย Rodenstock Impression ILT Ruler ชุดเล็ก : การวัดค่า FFA ทำคล้ายวิธีที่หนึ่ง แต่แม่นยำกว่า เนื่องจากสเกลของ ILT Ruler จะละเอียดถึง step ละ 0.5 องศา และอ่านค่าได้ง่าย รวดเร็วกว่าด้วยการหมุนแกนวัดองศา วิธีใช้ ILT FFA Ruler มีดังต่อไปนี้
· จัดวางกรอบแว่นให้ข้างหนึ่งขนาดกับแนวเส้นสีเขียวประ แล้วให้มุมของสะพานกรอบแว่นของอีกข้างหนึ่งอยู่บนจุดหมุนของ Face Form Angle Ruler
· หมุนแกนวัดองศาของ FFA Ruler จนขนานกับแนวกรอบแว่นอีกข้างดังรูป ( สังเกตุการวางตำแหน่งกรอบแว่นให้ตรงกับที่ได้วงกลมสีแดงเอาไว้ทั้งสองจุด ) ในกรณีนี้ อ่านค่า FFA ได้ 5 องศา
ภาพแสดงการจับกรอบแว่น เพื่อวัด FFA ด้วย FFA Ruler ชุดเล็ก
3) การตรวจวัดด้วย ชุด Rodenstock Impression ILT Ruler ชุดใหญ่ :
ILT Ruler ชุดใหญ่บรรจุในกล่องสวยงาม ถูกพัฒนาต่อจาก ILT Ruler ชุดเล็ก เพื่อให้สามารถตรวจวัดค่าพารามิเตอร์ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว แม่นยำ สร้างความประทับใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเลนส์โพรเกรสซีฟไฮเอนด์คู่ละหลายหมื่นบาทได้ง่ายขึ้น
ILT Ruler ชุดใหญ่นี้ สามารถยกระดับมาตรฐานการประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟคุณภาพสูง ของร้านแว่นขนาดเล็ก ให้เหนือกว่าร้านแว่นขนาดใหญ่ ได้อย่างเหนือชั้น และสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
ILT Ruler ชุดใหญ่นี้ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับร้านแว่นท้องถิ่นขนาดเล็กทั่วประเทศ ที่ทำเลไม่ดี ด้วยเงินลงทุนไม่ถึงห้าพันบาท แต่สามารถขายเลนส์โพรเกรสซีฟไฮเอนด์ และพรีเมี่ยม คู่ละ 15,000 บาทขึ้นไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ILT Ruler ชุดใหญ่ มีจำหน่ายในราคาชุดละ 4,500 บาท
Rodenstock ILT Ruler ชุดใหญ่ ประกอบด้วยเครื่องมือวัดค่าพารามิเตอร์ 3 ชิ้น ได้แก่
1. Face Form Angle Ruler ( FFA Ruler ) : สำหรับวัดความโค้งของกรอบแว่น
2. Corneal Vertex Distance Ruler ( CVD Ruler ) : สำหรับวัด Vertex Distance ของกรอบแว่น
3. Pantoscopic Tilt Angle Ruler ( PTA Ruler ) : สำหรับวัดมุมเทของกรอบแว่น
การวัดค่า Face Form Angle ( FFA )
การวัดค่า FFA ใช้หลักการเดียวกับ ILT FFA Ruler ชุดเล็ก ( หน้า 54 ) หน่วยเป็นองศา
วางกรอบแว่นให้ปลายขาชี้ขึ้น ตามรูป
ขั้นตอนการวัดค่า Face Form Angle ( FFA ) ด้วย FFA Ruler
1. วางกรอบแว่นหงายขึ้นตามรูป ให้ขอบเลนส์ด้านสะพานจมูกทางขวามืออยู่กึ่งกลางกากบาท เป็นจุดหมุน
2. ปรับระดับขอบเลนส์ของกรอบทางด้านซ้ายมือ ให้ขนานเส้นใดเส้นหนึ่ง
3. ปรับแกนวัดองศาแตะขอบด้านหลังของเลนส์ทางด้านขวามือ อ่านค่าเป็นองศา
การวัดค่า Corneal Vertex Distance ( CVD )
การวัดค่า CVD ใช้หลักการเดียวกับ ILT CVD Ruler ชุดเล็ก แต่ในชุดใหญ่นี้ มีการเพิ่มดวงไฟสองดวง ช่วยให้มองเห็นขอบตาดำของลูกค้าขณะวัดได้ชัดเจน และ วัดค่าโดยการเลื่อนสเกลคล้ายเวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ ทำให้ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว อ่านค่าได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการวัดค่า Corneal Vertex Distance ( CVD ) ด้วย CVD Ruler
1. ทาบ CVD Ruler ให้แนบด้านหน้าของกรอบแว่น ตามรูป แล้วกดปุ่มเปิดไฟ ขยับ CVD Ruler ให้เส้นสีดำทางขวามือ แตะขอบตาดำด้านบน ตามรูป
2. เลื่อนสไลด์ทางซ้ายจนเส้นสีดำของขอบแตะขอบตาดำขวาล่าง ตามรูป
3. อ่านค่าที่ได้ หน่วยเป็นมิลลิเมตร
การวัดค่า Pantoscopic Tilt Angle ( PTA ) ด้วย PTA Ruler
·
การวัดค่า
PTA
มีความแตกต่างจากสองวิธีแรก
โดย ILT
PTA Ruler ชุดใหญ่
จะอ่านค่าเป็นองศา วิธีใช้ ให้หนีบ PTA Ruler กับขาแว่นของลูกค้า
ให้แนวเส้นสีดำบนสันสามเหลี่ยมขนานกับ Demo Lenses ของกรอบแว่นตามรูปข้างล่าง
แล้วให้ลูกค้ามองตรง ปรับศีรษะของลูกค้าให้กระจกตาตั้งฉากกับพื้นโดยประมาณ
อ่านค่าจากลูกกลิ้งในท่อ PTA Ruler ดังรูป ค่าที่ได้หน่วยเป็นองศา
4) การวัดค่าพารามิเตอร์ ด้วย Rodenstock ImpressionIST :
เป็นวิธีการวัดค่าพารามิเตอร์ที่สะดวก รวดเร็ว เที่ยงตรง แม่นยำ หรูหรา ดูดี มีระดับ แต่ต้องลงทุนสูง เหมาะสำหรับร้านแว่นขนาดเล็ก ที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศด้านการตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์เทียบเท่ามาตรฐานสากล ปัจจุบันเครื่องRodenstock ImpressionIST มีใช้ในประเทศไทยเพียง 2 เครื่องเท่านั้น เหมาะสำหรับร้านแว่นที่เน้นการขายเลนส์โพรเกรสซีฟ Individual Free Form Technology
Rodenstock ImpressionIST เป็นระบบการตรวจวัดค่าพารามิเตอร์แบบ 3 มิติ ที่รวมเอาเครื่องเลือกกรอบแว่น , เครื่องวัด P.D. , เครื่องวัดพีสูง , เครื่องคำณวนขนาดเลนส์เพื่อสั่งฝน , โปรแกรมสั่งเลนส์ทางอินเตอร์เน็ตกับ Lab ของ Rodenstock Impression ILT ที่ มิวนิค ประเทศเยอรมัน ได้โดยตรง , โปรแกรมเก็บประวัติลูกค้า พร้อมรูปถ่าย ที่สามารถรองรับการสั่งแว่นเพิ่มเติมในระบบทางไกล , โปรแกรมจำลอง Vision Field ของเลนส์โพรเกรสซีฟแต่ละระดับราคา ปฏิบัติการด้วยระบบ Windows XP ที่รองรับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำให้ติดตั้งอุปกรณ์ต่อพ่วงได้อย่างหลากหลาย ทั้ง Printer / Monitor ได้ถึงแปดตัว ง่ายต่อการพัฒนา และ อัพเกรดทั้งซอฟท์แวร์ / ฮาร์ดแวร์ ในอนาคต
Rodenstock ImpressionIST ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด เพื่อช่วยให้ร้านแว่นสามารถขายเลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ราคาคู่ละหลายหมื่นบาท แก่ลูกค้ารายเดียว ครั้งละหลายคู่ มูลค่าการขายต่อครั้ง หลายแสนบาท ได้อย่างง่ายดาย ตัวกระจกและตัวกล้องวีดีโอสามมิติ ปรับระดับด้วยไฟฟ้า พร้อมชุดวางกรอบแว่นที่ลูกค้าต้องการเลือกถ่ายรูป จำนวน 8 อัน ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการใช้งาน ควบคุมด้วยระบบ Touch Screen และสามารถต่อคีย์บอร์ด เมาส์ แบบไร้สาย ได้ตามต้องการ
Rodenstock ImpressionIST ใช้งานง่าย สามารถถ่ายรูป พร้อมบันทึกข้อมูลของลูกค้าแต่ละรายได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
ตัวอย่างของภาพถ่ายสามมิติจากกล้องวีดีโอสองตัว
การหาค่าพีดี , พีสูง , ตีบล๊อค , วัดขนาดของเลนส์ที่ต้องการสั่งฝน สามารถทำได้ในภายหลัง ข้อมูลเหล่านี้ สามารถบันทึกไว้เพื่อประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟด้วยระบบทางไกล ในอนาคต
ระบบวีดีโอสามมิติ สามารถคำณวนหาค่า CVD , PTA , FFA ได้โดยอัตโนมัติ เพียงลากจุดกากบาท ผ่าน Touch Screen เพียงไม่กี่ครั้ง
การคำณวนขนาดของเลนส์เพื่อสั่งฝนขัดบาง สามารถทำได้ภายใน 2 นาที
ข้อมูลทั้งหมดสำหรับสั่งเลนส์ สามารถพิมพ์ด้วย Printer เพื่อสั่งเลนส์ทางแฟ๊กซ์ หรือทางอินเตอร์เน็ต กับระบบเครือข่ายความเร็วสูงของ Rodenstock ที่ มิวนิค ประเทศเยอรมัน โดยระบบสนับสนุน Printer ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน มากกว่า 100 รุ่น ทั้งระบบ Inkjet , Laser ขาวดำ และ เลเซอร์สี
หลักสูตรโพรเกรสซีฟทวีคูณ โอกาสที่ยิ่งใหญ่ ของร้านแว่นตาท้องถิ่นขนาดเล็ก
ธุรกิจตรวจวัดสายตา ประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ ต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ ในการนำเสนอเลนส์โพรเกรสซีฟทั้ง 4 เทคโนโลยีนี้ ให้เหมาะสมสำหรับค่าสายตา ค่าพารามิเตอร์ของลูกค้าแต่ละคน ในทุกเนื้อวัสดุ โดยให้ลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจเอง และผู้ที่ทำได้ดีที่สุด ย่อมมีโอกาสได้ลูกค้าที่ดีที่สุดเสมอ
และเมื่อลูกค้าที่ดีที่สุดให้ความไว้วางใจซื้อเลนส์โพรเกรสซีฟระดับพรีเมี่ยม และ ไฮเอนด์จากท่านแล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับว่า ท่านสามารถตรวจวัดสายตา ประกอบแว่นโพรเกรสซีฟ ให้ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ สวยงาม ใส่สบาย และ ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพเพียงไร
หากท่านสามารถทำได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งหมดนี้ ท่านได้ขายเลนส์โพรเกรสซีฟทวีคูณเบื้องต้นแล้ว ที่เหลือคือการบริหารการจัดการ วางระบบการนัดหมาย การออกบัตรคิวตรวจวัดสายตา เพราะลูกค้าจะหลั่งไหลมาที่ร้านของท่าน เพื่อรับการตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟทวีคูณ จากท่าน นั่นเอง
ไม่ว่าร้านแว่นของท่านจะอยู่จังหวัดไหนก็ตาม ขอเพียงมีประชากรเกิน 100,000 คนในจังหวัดนั้น ขอเพียงมีประชากรเพียง 10,000 คน ที่มีรายได้ตั้งแต่ 5,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ท่านก็มีโอกาสขายเลนส์โพรเกรสซีฟได้มากกว่าปีละหนึ่งพันคู่ ภายในระยะเวลาไม่เกินสามปี เหมือนกับที่ลูกศิษย์ของผมทั่วประเทศกำลังทำอยู่ทุกวัน
ถ้าท่านเชื่อ และ มีความตั้งใจจริง ที่จะอุทิศตนเพื่อประกอบธุรกิจตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟทวีคูณ ให้ติดต่อผมได้โดยตรงที่ :
บริษัท แอดวานซ์ โพรเกรสซีฟ แอดดิชั่นเลนส์ จำกัด
594/178 ถ.อโศก-ดินแดง เขตดินแดง กทม. 10400
· โทร./SMS : 081-538-4200 , 02-641-6979
· แฟ๊กซ์ 02-641-7915
· e-mail : apcoptik@yahoo.com
· รับเพียงจังหวัดละ 1 ท่านเท่านั้น ( กทม. , ภูเก็ต , เชียงใหม่ , ชลบุรี , สุราษฎร์ธานี และ นครราชสีมา รับเขต / อำเภอละ 1 ท่าน )
· รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการขายเลนส์โพรเกรสซีฟทวีคูณ ค้นคว้าได้ที่ www.apcthai.com
ภาพการอบรมเลนส์โพรเกรสซีฟทวีคูณ นำศิลปไทย ที่ผ่านมา ในปี 2006
Life is beautiful and sight is life
1. APC คืออะไร : APC เป็นเครือข่ายผู้ประกอบการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นรายย่อย ก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาวิชาการด้านเลนส์โพรเกรสซีฟขั้นสูงในประเทศไทย ให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล และร่วมมือทางวิชาการกับเครือข่าย APC ในต่างประเทศ
2. ใครคือ APC : สมาชิก APC ประกอบด้วย จักษุแพทย์ , นักทัศนมาตรศาสตร์ และ ร้านแว่นรายย่อย ดำเนินงานด้านวิชาการ อย่างเป็นอิสระด้วยงบประมาณจากค่าสมาชิก โดยมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนวิชาการ , ความรู้ , ความชำนาญเฉพาะด้าน , เทคนิค แล้วนำมาพัฒนาร่วมกัน เพื่อยกระดับมาตรฐานการตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ ในหมู่สมาชิก ให้ผู้ใช้เลนส์โพรเกรสซีฟได้รับประโยชน์สูงสุด
3. APC ทำอะไรบ้าง :
3.1 พัฒนาวิชาการตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟขั้นสูง เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค
3.2 ให้ความรู้แก่ผู้บริโภค ในการเลือกใช้เลนส์โพรเกรสซีฟ อย่างเหมาะสม คุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์
3.3 ให้คำปรึกษา และ ช่วยเหลือผู้บริโภค ที่มีปัญหาในการใช้เลนส์โพรเกรสซีฟ
3.4 ให้คำปรึกษาด้านการตรวจวัดสายตา ประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ แก่ร้านแว่นทั่วไป
3.5 ลดต้นทุนการดำเนินการของผู้ประกอบการฯ รายย่อย ที่เป็นสมาชิก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการร้านแว่นเชนสโตร์ขนาดใหญ่
3.6 ให้ร่วมมือทางวิชาการด้านเลนส์โพรเกรสซีฟกับทุกหน่วยงาน เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค
3.7 กำหนดมาตรฐานการประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค
4. APC ทำงานอย่างไร :
4.1 แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางด้านวิชาการ อย่างอิสระ ผ่านทางเว็บบอร์ด www.apcthai.com
4.2 จัดอบรมทางวิชาการด้านเลนส์โพรเกรสซีฟขั้นสูง เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการฯรายย่อย
4.3 ให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการแว่นตา และ ผู้บริโภค ผ่านทางเว็บบอร์ด www.apcthai.com , e-mail : apcoptik@yahoo.com และ ทางโทรศัพท์ 01-538-4200 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
4.4 ให้คำแนะนำบริษัทผู้ผลิตและขายส่ง เลนส์โพรเกรสซีฟ ในการออกแบบ ผลิต และ ขายส่ง เลนส์โพรเกรสซีฟคุณภาพดี ในราคาสมเหตุสมผล เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค ( เลนส์โพรเกรสซีฟบางรุ่น คุณภาพ ไม่สมราคา )
4.5 ทดสอบเลนส์โพรเกรสซีฟแต่ละรุ่น ว่าเหมาะกับการใช้งานแบบใด เพื่อเลือกใช้เลนส์โพรเกรสซีฟที่ดีที่สุด สำหรับผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม ตามค่าสายตา พฤติกรรม อายุ อาชีพ งานอดิเรก
5. APC รับสมาชิก อย่างไร :
5.1 APC เปิดรับสมาชิกทั่วประเทศ 90 ท่าน เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วประเทศ สามารถรับบริการตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟด้วยมาตรฐานสูงสุด ( จังหวัดละ 1 ท่าน , กทม.เขตละ 1 ท่าน )
5.2 ผู้สมัครจะต้องมีเครื่องมือตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อ เทียบเท่ามาตรฐานสากล ภายใน 12 เดือน นับจากวันที่สมัครเป็นสมาชิก โดยทาง APC จะให้คำปรึกษาและช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
5.3 ผู้สมัครจะต้องมีความสามารถตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อ ได้อย่างถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ สวยงาม ด้วยฝีมือปราณีตเทียบเท่ามาตรฐานสากล ให้ได้ภายใน 12 เดือน นับจากวันที่สมัครเป็นสมาชิก โดยทาง APC จะสนับสนุนด้านการฝึกอบรมให้อย่างใกล้ชิด
5.4 ผู้สมัครจะต้องรับประกันเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อ ทุกคู่แก่ผู้บริโภค ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
5.4.1 รับประกันความถูกต้อง เที่ยงตรง ของค่าสายตา ไม่น้อยกว่า 90 วัน โดยทาง APC จะเป็นผู้จัดหาเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อ ที่รับประกันตามเงื่อนไขนี้ ให้สมาชิกฯ
5.4.2 รับประกันความพึงพอใจในคุณภาพการมองเห็น ว่าใช้งานได้จริง ไม่น้อยกว่า 90 วัน
5.4.3 รับประกันคุณภาพผิวเคลือบเลนส์แว่นตาตัดแสงสะท้อน ในภาวะการใช้งานปกติ ตามมาตรฐานสากล เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 365 วัน โดยทาง APC จะเป็นผู้จัดหาเลนส์แว่นตาตัดแสงสะท้อน ที่รับประกันตามเงื่อนไขดังกล่าว ให้กับสมาชิกฯ
6. สิทธิประโยชน์เบื้องต้นของสมาชิก
6.1 ได้รับการถ่ายทอดความรู้ด้านการตรวจวัดสายตาประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟทวีคูณ แบบมืออาชีพตามมาตรฐานสากล ที่สามารถนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้จริง ภายใน 72 ชั่วโมง
6.2 ได้รับการถ่ายทอดความรู้ทางด้านการตลาด , การขาย , การวางแผน , การจัดเก็บข้อมูลลูกค้า เพื่อตรวจวัดสายตา ประกอบเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อ แบบทวีคูณอย่างยั่งยืน
6.3 ได้รับส่วนลดพิเศษสุด เมื่อสั่งซื้อ เครื่องมือฯ , กรอบแว่น และ เลนส์แว่นตา ในนาม APC
7. สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับ APC ได้ที่ใคร :
คุณสมบูรณ์ นำทิพย์จันทาเจริญ ประธาน APC
บริษัท แอดวานซ์ โพรเกรสซีฟ แอดดิชั่นเลนส์ จำกัด ( APCL )
594/178 ถ.อโศก-ดินแดง เขตดินแดง กทม. 10400
Tel./SMS. : 081-538-4200 , Office Tel. : 02-641-6979
e-mail : apcoptik@yahoo.com , Fax. : 02-641-7915 www.apcthai.com
Rodenstock ImpressionIST : เครื่องวัดค่าพารามิเตอร์ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อขายเลนส์โพรเกรสซีฟคุณภาพสูงสุดคู่ละ 50,000 บาท ครั้งละหลายคู่ให้ลูกค้าแต่ละราย