บทที่ 4
เปรียบเทียบ ผลกระทบของ SPH. / CYL. / Addition และ Face Form Angle
ระหว่าง
เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนยีเก่า กับ
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology
Progressive Back Surface
ในบทนี้ เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างของพื้นที่การมอง
เมื่อมองด้วยตาทั้งสองข้าง บนเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า
กับเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีล่าสุด 4 ชนิด
1)
12 โครงสร้าง : เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า
Semi-Finished
Multi-Design by Addition 12 โครงสร้าง ออกแบบสำหรับ P.D.
2)
60 โครงสร้าง : เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า Semi-Finished Multi-Design
by SPH. & Addition
60 โครงสร้าง ออกแบบสำหรับ P.D.
3)
Free Form : เลนส์โพรเกรสซีฟ Free
Form Technology Progressive Back Surface 4,000,000 โครงสร้าง ออกแบบ อย่างเฉพาะเจาะจงตามค่า
SPH. Step ละ 0.25D / ค่า CYL.
Step ละ 0.25D & CYL. AXIS Step ละ 1 องศา
/ รองรับค่า P.D. ได้ตั้งแต่ 40
4)
Individual : เลนส์โพรเกรสซีฟ Individual
Free Form Technology Progressive Back Surface 42,600,000,000 โครงสร้าง
ออกแบบและผลิตพิเศษอย่างเจาะจงแต่ละค่าสายตา สำหรับกรอบแว่นแต่ละอัน เฉพาะบุคคล
หมายเลขในภาพแต่ละชุด แทนเลนส์โพรเกรสซีฟทั้ง
4 ชนิด 1) ,
2) , 3) และ 4) ตามลำดับ
ภาพแต่ละชุด มี 4 ภาพ
เปรียบเทียบเลนส์โพรเกรสซีฟทั้ง 4 ชนิด ที่ค่าสายตา และพารามิเตอร์เดียวกัน
การเปรียบเทียบผลของค่าพารามิเตอร์ในบทนี้
จะเปรียบเทียบเฉพาะ Face
Form Angle ( FFA ) มาตรฐาน 5 องศา กับ FFA 0 องศา
( หน้าแว่นแอ่นออก )
ภาพแสดง FFA มาตรฐาน 5 องศา
ภาพแสดง
FFA 0 องศา
หรือที่เรียกกันว่า
หน้าแว่นแอ่นออก ส่วนใหญ่เกิดจากแว่นมีขนาดเล็กกว่าขมับเกิน
1. R/L
·
เบอร์สายตา R/L Plano ADD 2.00D หาก PD ลูกค้า
·
เลนส์โพรเกรสซีฟ 60 โครงสร้าง
จะให้พื้นที่การมองใกล้กว้างกว่าถึง 50 %
·
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form ให้พื้นที่การมองใกล้กว้างกว่าเลนส์โพรเกรสซีฟ
60 โครงสร้าง เพียง 30%
2. R/L
ภาพแสดงพื้นที่การมองเห็นที่แคบลง
เมื่อค่า FFA
( Face Form Angle หรือที่เรียกกันภาษาช่างแว่นว่า หน้าแว่น ) = 0 องศา มีเพียงเลนส์โพรเกรสซีฟ Individual
ในภาพหมายเลข 4) เท่านั้น ที่พื้นที่การมองไม่แคบลง
3. R/L SPH. +
2.00D ADD 2.50D : Face Form Angle ( FFA ) 5 องศาตามมาตรฐาน
·
เลนส์โพรเกรสซีฟ 12 โครงสร้าง
ในภาพหมายเลข 1) พื้นที่การมองแคบลงมาก จนใช้งานได้ลำบาก
·
เลนส์โพรเกรสซีฟ 60 โครงสร้าง
ในภาพหมายเลข 2) พื้นที่การมอง ยังคงพอเพียงกับการใช้งาน
·
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form ในภาพหมายเลข 3) พื้นที่การมองใกล้ ยังคงกว้าง
และใส่สบาย
4. R/L SPH. +
2.00D ADD 2.50D :
FFA = 0 องศา ( หน้าแว่นแอ่นออก )
การประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า 60 โครงสร้าง หรือ
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form Technology เบอร์สายตา R/L SPH. +
2.00D ADD 2.50D จึงต้องปรับแต่งค่า FFA ให้ได้
5 องศาตามมาตรฐาน
เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพคุ้มค่าเงินหมื่นกว่าบาทที่จ่ายให้กับทางร้าน
5. R/L SPH. -
4.00D ADD 2.50D : Face Form Angle ( FFA ) 5 องศาตามมาตรฐาน
6. R/L SPH. - 4.00D
ADD 2.50D :
FFA = 0 องศา ( หน้าแว่นแอ่นออก )
ปัญหาเรื่องหน้าแว่นแอ่นออก พบได้บ่อยในการประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟบนกรอบเจาะ
SPH.
4.00D ขึ้นไป เลนส์จะมีความโค้งประมาณ 2D หากเจาะด้วยวิธีปกติ
จะทำให้หน้าแว่นแอ่นออก และหากแก้ไขมุมเจาะ ก็จะทำให้ขาบีบขมับเข้ามา ต้องดัดขาให้กางออก
ซึ่งเป็นงานที่ต้องอาศัยทักษะ และ ความชำนาญ ในระดับสูง
การประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟบนกรอบเจาะ จึงควรเลือกใช้แต่เลนส์โพรเกรสซีฟเนื้อเหนียว
High
Tensile Strength ความคมชัดสูง ABBE 41 ขึ้นไป
เท่านั้น เช่น MR-20 ABBE 42 , MR-8 ABBE 41 , Trivex
ABBE 43 เพราะให้ให้ภาพคมชัด และ สามารถปรับแต่งกรอบแว่นได้ง่ายโดยไม่ต้องถอดเลนส์ออกก่อน
7. R/L SPH. -
4.00D CYL. - 2.00D x 180 ADD 2.50D : FFA
5 องศาตามมาตรฐาน
8.
R/L SPH. - 4.00D CYL. - 2.00D x 180 ADD 2.50D :
FFA = 0 องศา
1) 12 โครงสร้าง 2) 60 โครงสร้าง 3) Free Form 4) Individual
การประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟที่เบอร์สายตา R/L SPH. -
4.00D CYL. - 2.00D x 180 ADD 2.50D ขึ้นไป เป็นเบอร์สายตาที่ต้องอาศัยฝีมือในการประกอบ
โดยจะต้องประกอบให้ได้ค่าพารามิเตอร์มาตรฐาน
และควรแจ้งลูกค้าให้นำแว่นมาปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ทุก 3 6
เดือน หรือ ให้นำแว่นมาปรับแต่งทันทีที่รูปทรงเปลี่ยนไปจากตำแหน่งปกติ (
ผมประสบความสำเร็จสูงสุดในการขายเลนส์โพรเกรสซีฟ
ส่วนหนึ่งมาจากการที่ผมสามารถปรับแต่งแว่นโพรเกรสซีฟอันเดิมของลูกค้าที่ทำมาจากที่อื่นให้ใส่สบายกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ลูกค้าจึงซื้อเลนส์โพรเกรสซีฟระดับพรีเมี่ยม และไฮเอนด์ ที่ผมนำเสนอเสมอ )
9. R/L SPH. +
2.00D CYL. - 4.00D x 180 ADD 2.50D :
FFA = 5 องศา
จากภาพทั้งสิบชุดที่ผ่านมา
ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความแตกต่างของเลนส์โพรเกรสซีฟทั้ง 4 เทคโนโลยี
ในแต่ละค่าสายตา ทั้งในกรณีที่ค่าพารามิเตอร์ได้มาตรฐาน และ
ในกรณีที่หน้าแว่นแอ่นออก
ภาพต่อไปนี้ แสดง ความกว้างของโซนไกล
โซนกลาง และ โซนใกล้ ที่เปลี่ยนไปตามค่าพารามิเตอร์กรอบแว่น
ของเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า 60 120 โครงสร้าง
ราคาขายปลีกคู่ละหมื่นกว่าบาท ที่ค่าสายตา R/L 0.00 ADD 2.00D ซึ่งออกแบบมาสำหรับค่า CVD
ให้สังเกตุพื้นที่การมองเห็นที่แคบลง
ตามค่าพารามิเตอร์ที่แตกต่างกันของกรอบแว่นแต่ละอัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณ
พื้นที่มองใกล้ ที่แคบลงตามความแตกต่างของค่าพารามิเตอร์ทั้ง 3 เป็นผลให้ผู้ใช้
อ่านหนังสือได้ลำบาก
ทั้ง 4 ภาพที่ผ่านมา เป็นคำอธิบายปัญหา ที่ร้านแว่นมักประสบว่า ลูกค้าหลายท่าน บ่นว่าอ่านหนังสือลำบาก
หรือ อ่านหนังสือไม่ได้เลย แม้จะยอมจ่ายเงินซื้อเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่า Semi-Finished Progressive Front Surface เป็นเงินหมื่นกว่าบาทแล้วก็ตาม
เนื่องจากค่าพารามิเตอร์ในการใช้งานจริง
ต่างกับค่าพารามิเตอร์ที่เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงคู่นั้น ถูกออกแบบมา มากเกินไป
เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า
Semi-Finished Progressive Front Surface มีข้อจำกัด ดังต่อไปนี้
1.
มีค่า Inset เพียง 60 120 โครงสร้างแบบ Semi-Finished ตามค่า SPH. 6 10 โครงสร้างตาม Base Curve ด้านหน้า และ ตาม Progressive Front Surface 12
Addition ซึ่งทุกโครงสร้าง ถูกออกแบบให้เหมาะกับค่า SPH. เท่ากันทั้งสองข้าง step ละ 1.00D 2.00D โดยไม่คำนึงถึงค่าสายตาเอียง ทำให้
·
ผู้ใช้ที่มีค่า SPH. แต่ละข้างแตกต่างกัน ( Anisometropia ) จะมีคุณภาพการมองเห็น
ด้อยลงตามค่า Anisometropia โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ Anisometropia
เกินกว่า 1.25D ขึ้นไป
จะส่งผลให้ผู้ใช้ยิ่งปรับตัวได้ลำบาก
·
ผู้ใช้ที่มีค่าสายตาเอียง ในทุกกำลัง
ทุกแนวองศา จะมีคุณภาพการมองเห็น ในทุกระยะ ด้อยกว่าผู้ใช้ที่ไม่มีค่าสายตาเอียง
และจะยิ่งด้อยลง ในกรณีที่
a. แนวแกนของสายตาเอียงที่
90
องศา
b. กำลังของสายตาเอียงเกินกว่า
-2.00D
c.
แนวแกนของสายตาเอียงทั้งสองข้างแตกต่างกันเกินกว่า
30
องศา ขึ้นไป
ภาพแสดงผลกระทบของกฎทรงมวล
ที่เกิดขึ้นตามค่า SPH. และ CYL.
บนเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า ในกรณีที่ค่าพารามิเตอร์
ตรงตามที่เลนส์ถูกออกแบบมา
ภาพแรก
เป็นค่าสายตา
ภาพที่สอง
เป็นค่าสายตา
SPH.-2.00D
ADD 2.00 D
ภาพที่สาม
เป็นค่าสายตา
SPH.-6.00D
ADD 2.00D
ภาพที่สี่
เป็นค่าสายตา
SPH.-2.00D
CYL. 2.50D ADD 2.00D
จากภาพทั้งสี่นี้
เป็นคำตอบว่าทำไมผู้ใช้หลายราย
ประสบความล้มเหลวในการใช้เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า และ
หลายรายมีปัญหาเมื่อใส่ขับรถในเวลากลางคืน
ภาพแสดงการฉีกข้อจำกัดของกฎทรงมวล
ที่เกิดขึ้นตามค่า SPH. บนเลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form
Technology บนค่าพารามิเตอร์ เดียวกันกับเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า
จะเห็นได้ว่า เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form แทบไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย
ทั้งในด้าน Vision Field , Quality of Vision และ Astigmatism
Error แม้ค่า SPH. จะต่างกันถึง 6.00D ก็ตาม
บนเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่าแบบ
Semi-Finished
Progressive Front Surface ผู้ออกแบบถูกจำกัดด้วยกฎทรงมวล ที่ค่า Astigmatism
Error จะเพิ่มขึ้นตามค่า SPH. / CYL. / ADD เสมอ
ทำให้ต้องเลือกระหว่าง
·
ยอมสูญเสีย Quality of
Vision ด้วยการเฉลี่ยค่า Astigmatism Error ให้ออกห่างจากศูนย์กลางของเลนส์อย่างค่อยเป็นค่อยไป
เพื่อรักษา Vision Field , Dynamic Vision และ Comfort
of Vision ไม่ให้ลดลงมากเกินไป ตามค่า SPH. / CYL. / ADD ที่เพิ่มขึ้น วิธีนี้ส่งผลให้มีจุดอ่อนในการขับรถตอนกลางคืน
·
ยอมสูญเสีย Comfort of
Vision และ Dynamic Vision ด้วยการผลักค่า Astigmatism
Error ไปรวมไว้บริเวณที่ใช้งานน้อยที่สุด เพื่อรักษา Quality
of Vision และ Vision Field
ไม่ให้ลดลงมากเกินไป ตามค่า SPH. / CYL. / ADD ที่เพิ่มขึ้น
วิธีนี้ส่งผลให้มีจุดอ่อนทำให้ใส่ไม่สบาย และ ปรับตัวได้ช้ากว่าวิธีแรก
เลนส์โพรเกรสซีฟ Free Form
Technology สามารถฉีกข้อจำกัดเดิมๆ ของ เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่าแบบ
Semi-Finished
Progressive Front Surface ทั้งสองแบบ
โดยสามารถออกแบบเลนส์โพรเกรสซีฟให้มี Vision Field กว้างขึ้น
30 35 % แต่มี Astigmatism Error น้อยลง
35 % ทำให้ มี Vision Field ,
Dynamic Vision , Comfort of Vision และ Quality of Vision ใกล้เคียงกันในทุกค่าสายตา โดยออกแบบและผลิตอย่างเฉพาะเจาะจง หลายล้านโครงสร้าง
ตามค่าสายตา และ ค่าพารามิเตอร์ ของผู้ใช้แต่ละคน
2. โครงสร้างเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่าแบบ
Semi-Finished Progressive Front Surface
ถูกออกแบบมาสำหรับ ค่า P.D. มองไกล ขวา 32 / ซ้าย 32 ( P.D. รวม 64 ) ทำให้
·
ผู้ใช้ที่มีค่า P.D. มองไกล น้อยกว่า 32 / 32 จะเหลือบตาเข้าได้ไม่ถึงจุดศูนย์กลางของ
Addition ส่งผลให้ เหลือบตาอ่านหนังสือได้ลำบาก /
มีพื้นที่การอ่านหนังสือแคบลงกำลัง และ
ส่งผลกระทบเป็นสองเท่าในการใช้งานที่ระยะกลาง
·
ผู้ใช้ที่มีค่า P.D. มองไกล มากกว่า 32 / 32 จะเหลือบตาเข้าเลยจุดศูนย์กลางของ
Addition ส่งผลให้ หาระยะชัดได้ช้าลง
เมื่อเหลือบตาลงมาอ่านหนังสือ ทำให้ไม่สบายตา และ
ส่งผลกระทบเป็นสองเท่าในการใช้งานที่ระยะกลาง
จากภาพแสดงความแตกต่างของการเหลือบตาเข้ามาอ่านหนังสือ
ของผู้ใช้ที่มี P.D. แคบ หรือ กว้างกว่าปกติ ที่ผ่านมานี้
เป็นคำตอบว่าทำไมผู้ใช้หลายราย
ประสบความล้มเหลวในการใช้เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า และ
หลายรายมีปัญหาในการใช้งานทั้งในระยะกลาง และ ระยะใกล้
เปรียบเทียบโครงสร้างของเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า
1.
Hoyalux Summit pro มีเพียง 120 โครงสร้าง 10 โครงสร้างตามค่า SPH และ 12 โครงสร้างตามค่า ADD
2.
Sola Percepta มีเพียง 60 โครงสร้าง 5 โครงสร้างตามค่า SPH 12 โครงสร้างตามค่า ADD
3.
เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพง ที่เชื่อกันว่าดีที่สุดในกลุ่มเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า Semi-finished Progressive Front Surface
( SPFS ) มีเพียง 60 - 72 โครงสร้าง
ตามแต่เนื้อวัสดุ โดยมี 5 - 6 โครงสร้างตามค่า SPH ( เนื้อวัสดุ
1.6 ขึ้นไป มี 6 โครงสร้าง ) และ 12 โครงสร้างตามค่า ADD
4.
เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่า
มี Performance ที่ดีในระดับที่ยอมรับได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
·
เลือกกรอบแว่น และ
ปรับแต่งกรอบแว่นให้ได้ค่า Face Form Angle / Cornea Vertex Distance / Pantoscopic Tilt
Angle ตามที่เลนส์รุ่นนั้น ถูกออกแบบมา
·
ค่า Rx มีแต่ SPH. / Addition / ไม่มี Anisometropia
·
Near Point Convergence ปกติ
·
Monocular P.D. ประมาณ R 32 / L 32
5. เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่า แต่ละรุ่น จะมีจุดเด่นและจุดด้อย ในแต่ละค่า SPH. ที่ต่างกันออกไป
·
Sola Percepta มีความโดดเด่นในกรณีของ SPH ลบ
·
เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่าบางรุ่น มีความโดดเด่นในกรณีของ SPH บวก แต่มีจุดอ่อนในกรณีของ SPH ลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณภาพการมองเห็นเมื่อเหลือบมองด้านข้าง ในขณะขับรถตอนกลางคืน
6.
เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงที่ใช้เทคโนโลยีเก่าทุกรุ่น จะมี Performance ลดลงในกรณีดังต่อไปนี้
·
กรณีที่มีสายตาเอียง
·
มีปริซึม
·
Anisometropia
·
Near Point Convergence ผิดปกติ
·
Monocular P.D. มากกว่า หรือ น้อยกว่า R 32 / L 32
7.
เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า
จะยิ่งมี Performance ลดลง ในกรณีที่
·
กำลังสายตาเอียงเกิน
2.00D
·
แนวแกนของสายตาเอียง
ขัดแย้งกัน
·
Anisometropia เกิน 1.25D
·
Near Point Convergence เป็นศูนย์
8. กรณีของ Near Point Convergence ผิดปกติ
หากมีความจำเป็นจะต้องเลือกใช้ เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า
ผู้ตรวจ/ประกอบ ควรตรวจ Near Point Convergence ของลูกค้า และ ควรมีความรู้ความเข้าใจใน Inset ของเลนส์ที่ใช้ ในแต่ละค่า Rx เพื่อจะทดค่า P.D. ในการประกอบได้อย่างถูกต้อง ก็จะช่วยให้ Performance ในส่วนของ Reading Zone ไม่ลดลงมากเกินไป ( แต่อาจส่งผลให้ไปลด
Performance ของ Intermediate Zone และ Distance Zone )
ภาพแสดงการหาค่า Near Point Down Gaze
Convergence P.D.
จะเห็นได้ว่าผู้ใช้เลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า
จะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ ระหว่างความคมชัด กับ ความสบาย , มุมมองกว้าง
กับ การบิดเบือน , เน้น โซนไกล โซนกลาง หรือ โซนใกล้ อีกทั้งการประกอบให้ใช้ได้ดี
ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญ เรื่องการทด P.D. ,
การเลือกใช้โครงสร้างเลนส์โพรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าแต่ละรุ่น ให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน
โดยต้องคำนึงถึงค่าสายตา พฤติกรรม อาชีพ งานอดิเรก อุปนิสัย
ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ร้านแว่นทุกร้าน จะสามารถฝึกฝนได้ ในระยะเวลาอันสั้น
เลนส์โพรเกรสซีฟ Individual Free Form Technology จึงเป็นทางลัดสำหรับร้านแว่นขนาดเล็ก
ที่มีความจำกัดด้านความรู้ ความชำนาญ บุคลากร งบประมาณ
ให้สามารถประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟให้ใช้งานได้ดี สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า
อันก่อให้เกิดการขายเลนส์โพรเกรสซีฟแบบทวีคูณ เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง
สามสิบเท่าบ้าง ตามศักยภาพของแต่ละร้าน จนก่อเกิดความศรัทธาต่อวิชาชีพตรวจวัดสายตา
ประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟทวีคูณ แก่คนรุ่นต่อไป